ดีเอสไอ บุกทลายร้านคาราโอเกะแอบค้ากามต่างด้าว 3 แห่งในพื้นที่ จ.สระบุรี พบหญิงชาวลาว 36 ราย เตรียมส่งหนังสือถึง ผู้ว่าฯสั่งปิดร้านทั้ง3โดยด่วน
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 31 พ.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงผลทลายแหล่งค้าประเวณี 3 แห่งในจ.สระบุรี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พ.ค. 2556 เวลา 20.45 น โดยนายธาริต ได้มอบหมายให้นายวสวัต ชวลิตธำรง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 1 กรมสอบสวนคดีพิเศษ สนธิกำลังกับ พล.ต. นพดล พิศวง รองผู้อำนวยการ กอ. รมน จ.สระบุรีท และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ทำการจับกุมปราบปรามสถานบริการ (ร้านคาราโอเกะ) ที่แอบแฝงขายบริการทางเพศในเขตพื้นที่จ.สระบุรี
สืบเนื่องจากศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 1 ได้รับการประสานงานจาก กอ.รมน.จ.สระบุรีว่า ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากร้านคาราโอเกะ และนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาค้าประเวณีในพื้นที่ ซึ่งอาจมีผู้มีอิทธิในพื้นที่ให้การสนับสนุนในการเปิดกิจการ ทั้งนี้ ทางดีเอสไอได้ทำการสืบสวนในเชิงลึก พบว่ามีการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวจริง ซึ่งอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 จึงได้สนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 60 นาย เข้าดำเนินการตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดในสถานบริการ 3 แห่ง ประกอบด้วย (1.)ร้านคาราโอเกะวาเลนไทน์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จากการตรวจค้น พบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2 ราย และแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาต 7 ราย (2.) ร้านคาราโอเกะวารุณี อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ตรวจค้นพบผู้กระทำความผิดจำนวน 2 ราย คือ นายวรพงษ์ เหวียง และนายสมบัติ บัวบานศรี ซึ่งกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 ว่าด้วย ผู้ใดเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1ปีถึง10ปี และปรับตั้งแต่20,000บาทถึง200,000บาท ทั้งนี้ภายในร้านดังกล่าวยังพบ คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอีก 9 ราย และ แรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 ราย และ(3.)ร้านคาราโอเกะสตางค์ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี จากการตรวจค้นพบผู้กระทำความผิดจำนวน 1 ราย คือนางอัมภาวัน เทพรักษา ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 9 ว่าด้วย ผู้ใดเป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1ปีถึง10ปี และปรับตั้งแต่20,000บาทถึง200,000บาท โดยในที่เกิดเหตุยังพบชาวต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 6 ราย และพบคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองอีก 8 ราย
นายวสวัต กล่าวว่า จากการจับกุมสถานบริการทั้ง 3 แห่ง พบหญิงสาวชาวลาวทั้งสิ้น 36 ราย อายุระหว่าง17-29ปีโดยแบ่งเป็นการลักลอบเข้าเมืองหรือหลบหนีเข้าเมือง 25 ราย และทำงานไม่ได้รับอนุญาต 11 ราย ทั้งนี้สามารถจับกุมเจ้าของร้านในข้อหาเป็นธุระในการจัดหาอีก 3 ราย อย่างไรก็ตาม การหลบหนีหรือลักลอบเข้าเมืองนั้นจะมีมากในด่านตรวจคนเข้าเมือง หนองคาย-อุบลราชธานี และในการเข้าจับกุมครั้งนี้พบว่ามีหญิงสาวหนึ่งรายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่ด้วย และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน หากพบว่า เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 จะดำเนินการทางกฏหมายให้ถึงที่สุด
ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ ภาค 1 กล่าวอีกว่า ส่วนพฤติการณ์ของการให้บริการทั้ง 3 ร้านนั้นมีความแตกต่างกัน โดย ร้านคาราโอเกะวาเลนไทน์ และร้านคาราโอเกะวารุณีจะมีลักษณะบริการที่คล้ายกัน คือ มีการเปิดให้บริการด้านหลังร้านเมื่อมีการตกลง เจรจาเรื่องราคาแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซื้อบริการต่อครั้งจะอยู่ที่ 750 บาท แต่เงินจะถึงตัวเด็กที่ให้บริการจะไม่ถึงครึ่งและเด็กที่ให้บริการนั้นก็จะพักอาศัยอยู่ที่ร้านดังกล่าวทั้งหมด ส่วนร้านคาราโอเกะสตางค์ จะมีผู้ชาย 2 คนยืนคุมอยู่ที่หน้าร้าน แต่เมื่อมีการเจรจาตกลงกันเรื่องราคาแล้วก็จะขับรถจักรยานยนต์พาลูกค้าและหญิงที่ให้บริการไปในสถานที่ที่เตรียมไว้เพื่อไปค้าประเวณี ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นอยู่ห่างจากร้านไม่เกิน 100 เมตร โดยจะคิดค่าบริการครั้งละ 800 บาท
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งสถานีตำรวจภูธรแก่งคอย เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตลอดจนสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม และจะมีการผลักดันผู้หญิงชาวต่างชาติกลับประเทศต่อไป ทั้งนี้ ดีเอสไอ กำลังดำเนินการทำหนังสือเพื่อประสานงานไปยังผู้ว่าฯ จ.สระบุรี เพื่อขอให้ปิดสถานที่บริการทั้ง 3 แห่งต่อไป
