xs
xsm
sm
md
lg

ปคม.แถลงจับกุมอาแท้ๆ ลวงหลานสาววัย 17 ค้ากามเกาหลีใต้

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนชำนาญการ พิเศษ กก. 1 บก.ป. ควบคุมตัว นางเพียงใจ คิม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาหลอกลวงหลาน วัย 17 ปี ค้ากามที่เกาหลีใต้
ปคม.แถลงข่าวจับกุมอาแท้ๆ ลวงหลานสาววัย 17 ค้ากามเกาหลีใต้ ขณะเดินทางมาจากกรุงโซล เจ้าตัวยังปฏิเสธ อ้างร้านดังกล่าวไม่มีการค้าประเวณีแต่อย่างใด เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 5 ข้อหาหนักฐานค้ามนุษย์ ยันมีหลักฐานเอาผิดชัดเจน

เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (24 พ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ปคม.แถลงข่าวจับกุม นางเพียงใจ คิม อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 896/2556 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี และข้อหาอื่นๆ รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1. สมคบกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ 2. ร่วมกันเป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณีโดบการหลอกลวงข่มขู่ 3. ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่เป็นธุระจัดหา โดยบุคคลนั้นอายุไม่เกิน 18 ปี 4. ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ข่มขืนใจให้ค้าประเวณี และ 5. ร่วมกันบังคับขู่เข็ญให้เด็กยินยอม เพื่อแสวงหาประโยชน์จากเด็ก ไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จับกุมได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากผู้ต้องหาเดินทางกลับมาประเทศไทยด้วยสายการบิน อิส สตาร์ เจ็ท เที่ยวบินที่ แซดอี 511 จากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ได้แจ้งความดำเนินคดีกับ นางเพียงใจ ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ กับพวก ที่หลอกลวงให้เดินทางไปทำงานนวดแผนโบราณที่ร้านอยุธยา กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก่อนจะติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก กระทั่งมีการประสานงานจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหารวม 3 ราย ประกอบด้วย นางเพียงใจ คิม, นายชุน ซองกึม หรือเอ็ม อายุ 36 ปี และ น.ส.ทิพย์วรรณ เต็มเปา อายุ 26 ปี ก่อนจะได้รับการติดต่อจากนางเพียงใจ เพื่อขอมอบตัวต่อสู้คดี

พล.ต.ต.ชวลิตกล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำนางเพียงใจให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาแต่ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อผู้ต้องหาที่มีหมายจับเข้ามอบตัว ก็มีการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำ จากนั้นก็จะนำตัวส่งศาลอาญา เพื่อพิจารณาเรื่องประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากพนักงานสอบสวนหมดอำนาจในการควบคุมตัวแล้ว ส่วนการพิจารณาดำเนินคดีก็ยืนยันว่าพร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและเป็นไปตามพยานหลักฐาน

“กรณีการขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ พนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำผู้เสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม หากปรากฏว่าผู้เสียหายให้การเท็จก็ต้องถูกดำเนินคดี ดังนั้นจึงต้องรับผิดชอบในคำให้การกับเจ้าพนักงาน ส่วนในรายละเอียดต่างๆ นั้น คงไม่สามารถเปิดเผยได้” ผบก.ปคม.กล่าว

ขณะที่นางเพียงใจเปิดเผยว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงหลานสาวให้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ เรื่องนี้ไม่มีมูลความจริง ไม่ได้เป็นไปตามที่มีข่าวออกมาเลย แต่เป็นความสมัครใจของหลานเองที่ต้องการไปทำงานหาเงิน แม่ของเขาก็ทราบดี นอกจากนี้แม่ของ น.ส.เอ ยังเคยเดินทางไปทำงานมาก่อนหน้านี้ด้วย เพราะเห็นว่ามีรายได้ดีจึงอนุญาตให้ลูกไปกับตน โดยตลอดเวลาที่หลานอยู่ด้วยนั้นก็ไม่เคยบังคับ ขู่เข็ญ หรือมีปัญหาทะเลาะกัน จึงไม่ทราบว่าทำไมถึงต้องแจ้งความดำเนินคดี เรื่องนี้น่าจะคุยปรึกษากันก่อน ถ้าอยากกลับประเทศไทยแล้วตนก็ไม่บังคับ น่าจะบอกกันตามตรง

นางเพียงใจกล่าวต่อว่า สำหรับงานนวดที่ทำก็ไม่ใช่งานหนักอะไร ไม่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีใดๆ ทั้งสิ้น แต่หลานเล่นเฟซบุ๊กแล้วไปบอกกับ พ.ต.ท.ธานินทร์ จินดามณี รอง ผกก.สภ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ว่าถูกพามาทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ และต้องการความช่วยเหลือเพื่อเดินทางกลับประเทศไทยนั้น เขาก็ไม่มาบอกตรงๆ ทำให้เรื่องบานปลายจนต้องถูกศาลออกหมายจับ ถูกดำเนินคดี ก็ต้องเสียประวัติและครอบครัวได้รับผลกระทบไปด้วย ส่วนการพิจารณาแจ้งความดำเนินคดีต่อ พ.ต.ท.ธานินทร์นั้น ขณะนี้ยังขอพิจารณาอีกครั้งว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนเสียหายแค่ไหน แต่จริงแล้วก็เข้าใจว่าตำรวจก็ทำตามหน้าที่ รวมทั้งทาง บก.ปคม.ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย สำหรับเรื่องนี้ผู้ปกครองของ น.ส.เอ ยังไม่ได้พูดคุยกับตน และคงยังไม่แจ้งความกลับผู้ใด




กำลังโหลดความคิดเห็น