ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตำรวจปคม.ขอนุมัติหมายจับอาแท้ๆ ร่วมสามีชาวเกาหลีใต้ ลวงหลานสาววัย 17 ไปทำงานร้านนวดแผนไทยแต่กลับถูกบังคับค้ากามวันละ 20 ชั่วโมง จนเหยื่อทนไม่ไหว โพสต์เฟสบุ๊สค์ขอความช่วยเหลือและนำตัวกลับมาได้ก่อนหน้านี้
วานนี้ ( 20 พ.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ( บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พนักงานบริษัททัวร์แห่งหนึ่งใน พัทยา จ.ชลบุรี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณีที่ร้านอยุธยา ในกรุงโซลว่า ก่อนหน้านี้ทาง บก.ปคม.ได้รับการประสานจาก น.ส.เอ ว่าถูกอาสาวแท้ ๆ ที่แต่งงานกับชาวเกาหลีใต้และเปิดร้านนวดแผนไทยที่กรุงโซล หลอกลวงให้ไปทำงานที่ร้านอาหาร โดยอ้างว่ามีรายได้ดี จากนั้นเหยื่อหลงเหยื่อได้เดินทางไปเกาหลีใต้พร้อมกับชายชาวเกาหลีใต้และหญิงไทย ในวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงกรุงโซล กลับถูกแก๊งมาเฟียชาวเกาหลีใต้ยึดพาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณีที่ร้านอยุธยา ในกรุงโซล วันละ 20 ชั่วโมง เหยื่อทนไม่ไหวลักลอบโทรศัพท์อ้อนวอนให้อาช่วยเหลือแต่ถูกปฏิเสธ จึงได้ใช้เฟซบุ๊ก แจ้งมายังเพื่อนชาวไทย กระทั่งเพื่อนแจ้งให้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ช่วยเหลือ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ พม.ได้ส่งเรื่องมายัง บก.ปคม.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เข้าช่วยเหลือดังกล่าว
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งให้ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ รอง ผกก.1 บก.ปคม.เดินทางไปที่ศาลอาญา รัชดา ฯ เพื่อนำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับ นางเพียงใจ พันธุ์ปลาโด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นอาแท้ ๆ ของ น.ส.เอ มาดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ซึ่งศาลอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหมายจับอยู่
ด้าน พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ นางเพียงใจ แล้วทางเราก็จะส่งหมายจับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองการต่างประเทศ หรือ อินเตอร์โพล และ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ได้เร่งขยายผลขอหมายจับกุมผู้ร่วมขบวนการด้วย โดยสืบสวนทราบว่าวันที่ น.ส.เอ เดินทางไปเกาหลีนั้นมีชายเกาหลีใต้และหญิงไทยเป็นผู้นำตัว น.ส.เอ ขึ้นเครื่องไปเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานตำรวจ สตม.เพื่อให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งสองรายแล้ว
รายงานแจ้งว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นางเพียงใจ ได้ก่อเหตุหลอกลวงหญิงไทยบังคับค้าประเวณีในประเทศเกาหลีใต้มาแล้วหลายราย ซึ่งขณะนี้ทาง ปคม.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือต่อไป อย่างไรก็ตามพบว่ามีมาเฟียเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าประเวณีสาวไทยข้ามชาติ โดยว่าจ้างคนไทยคอยหาเหยื่อส่งไปให้ ซึ่งช่วงแรก ๆ นางเพียงใจ ได้จัดหาหญิงไทยส่งไปให้มาเฟียที่เกาหลีใต้ได้หลายราย แต่มาระยะหลัง เหยื่อที่หนีรอดจากซ่องนรกกลับมาเมืองไทย ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของ นางเพียงใจ ทำให้ช่วงหลัง ๆ เจ้าตัวหลอกลวงเหยื่อได้ยากยิ่งขึ้น จึงลงมือหลอกลวงหลานสาวแท้ ๆ ไปค้าประเวณีดังกล่าว
วานนี้ ( 20 พ.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ( บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พนักงานบริษัททัวร์แห่งหนึ่งใน พัทยา จ.ชลบุรี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติหลอกลวงไปบังคับค้าประเวณีที่ร้านอยุธยา ในกรุงโซลว่า ก่อนหน้านี้ทาง บก.ปคม.ได้รับการประสานจาก น.ส.เอ ว่าถูกอาสาวแท้ ๆ ที่แต่งงานกับชาวเกาหลีใต้และเปิดร้านนวดแผนไทยที่กรุงโซล หลอกลวงให้ไปทำงานที่ร้านอาหาร โดยอ้างว่ามีรายได้ดี จากนั้นเหยื่อหลงเหยื่อได้เดินทางไปเกาหลีใต้พร้อมกับชายชาวเกาหลีใต้และหญิงไทย ในวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงกรุงโซล กลับถูกแก๊งมาเฟียชาวเกาหลีใต้ยึดพาสปอร์ต และบังคับให้ค้าประเวณีที่ร้านอยุธยา ในกรุงโซล วันละ 20 ชั่วโมง เหยื่อทนไม่ไหวลักลอบโทรศัพท์อ้อนวอนให้อาช่วยเหลือแต่ถูกปฏิเสธ จึงได้ใช้เฟซบุ๊ก แจ้งมายังเพื่อนชาวไทย กระทั่งเพื่อนแจ้งให้ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ช่วยเหลือ ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ พม.ได้ส่งเรื่องมายัง บก.ปคม.ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เข้าช่วยเหลือดังกล่าว
พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้สั่งให้ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ รอง ผกก.1 บก.ปคม.เดินทางไปที่ศาลอาญา รัชดา ฯ เพื่อนำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับ นางเพียงใจ พันธุ์ปลาโด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นอาแท้ ๆ ของ น.ส.เอ มาดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันค้ามนุษย์โดยแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก ซึ่งศาลอาญาอยู่ระหว่างการพิจารณาออกหมายจับอยู่
ด้าน พ.ต.ท.ชูศักดิ์ กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ นางเพียงใจ แล้วทางเราก็จะส่งหมายจับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองการต่างประเทศ หรือ อินเตอร์โพล และ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ได้เร่งขยายผลขอหมายจับกุมผู้ร่วมขบวนการด้วย โดยสืบสวนทราบว่าวันที่ น.ส.เอ เดินทางไปเกาหลีนั้นมีชายเกาหลีใต้และหญิงไทยเป็นผู้นำตัว น.ส.เอ ขึ้นเครื่องไปเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานตำรวจ สตม.เพื่อให้ตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งสองรายแล้ว
รายงานแจ้งว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า นางเพียงใจ ได้ก่อเหตุหลอกลวงหญิงไทยบังคับค้าประเวณีในประเทศเกาหลีใต้มาแล้วหลายราย ซึ่งขณะนี้ทาง ปคม.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือต่อไป อย่างไรก็ตามพบว่ามีมาเฟียเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าประเวณีสาวไทยข้ามชาติ โดยว่าจ้างคนไทยคอยหาเหยื่อส่งไปให้ ซึ่งช่วงแรก ๆ นางเพียงใจ ได้จัดหาหญิงไทยส่งไปให้มาเฟียที่เกาหลีใต้ได้หลายราย แต่มาระยะหลัง เหยื่อที่หนีรอดจากซ่องนรกกลับมาเมืองไทย ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงพฤติกรรมของ นางเพียงใจ ทำให้ช่วงหลัง ๆ เจ้าตัวหลอกลวงเหยื่อได้ยากยิ่งขึ้น จึงลงมือหลอกลวงหลานสาวแท้ ๆ ไปค้าประเวณีดังกล่าว
