xs
xsm
sm
md
lg

ล่าตัวมาเฟีย ค้ากามโสม เพิ่มอีก9ราย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ปคม.ขยายผลจับแก๊งมาเฟียชาวเกาหลีร่วมขบวนการสาวไทยค้ามนุษย์ข้ามชาติ เตรียมออกหมายเพิ่มอีก 9 ราย ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 2 ปี "เจ๊อ้อย"โคราช หลอกเหยื่อค้าเนื้อสดที่บาห์เรน

วานนี้ (21 พ.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบก.ปคม.กล่าวถึงกรณีที่ตำรวจ บก.ปคม.ได้ประสานตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เข้าช่วยเหลือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งถูกขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ หลอกลวงไปค้าประเวณีที่ร้านอยุธยา ในกรุงโซล จากการสอบถามเหยื่อทราบว่า ถูกอาแท้ ๆ ที่แต่งงานกับชาวเกาหลีใต้ เป็นผู้หลอกลวงไปทำงานดังกล่าว ซึ่งถูกบังคับให้รับแขกวันละ 20 ชั่วโมง เหตุเกิดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ผ่านเว็บไซด์เฟซบุ๊ก จนได้รับการช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทยได้สำเร็จเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมนั้นว่า

ขณะนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม.เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ เพื่อขออนุมัติศาลอาญา ออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีเพิ่มเติมอีก 2 ราย เป็นชายชาวเกาหลีใต้ และหญิงสาวชาวไทย ซึ่งมีภาพปรากฎที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่าเป็นผู้พาเหยื่อไปขึ้นเครื่อง รวมทั้งมาเฟียชาวเกาหลีอีกประมาณ 7 ราย โดยก่อนหน้านี้ทางพนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้ว 1 ราย คือ นางเพียงใจ พันธุ์ปลาโด อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นอาแท้ ๆ ของผู้เสียหายนั่นเอง

พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวต่อว่า หากศาลอาญา อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาแล้ว หลังจากนั้นก็จะทำเรื่องเสนอต่ออัยการ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตำรวจกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อดำเนินการติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีต่อไป

นอกจากกรณีของ น.ส.เอ แล้วยังพบว่ามีผู้เสียหายอีก 1 ราย ซึ่งถูกหลอกลวงให้เดินทางไปยังกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ แต่กลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีในร้านนวดแผนไทยชื่อ"วัดโพธิ์" เช่นเดียวกัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ

***คุก2ปี'เจ๊อ้อย'หลอกเหยื่อไปบาห์เรน

ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีดำ.อ.2705/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนางนิจวิภา หรือเจ๊อ้อย พิมพิ์สิริวัฒนา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/95 ม.1 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นธุระจัดหาเพื่อกระทำการค้าประเวณีและสำเร็จความใคร่ของผู้อื่น

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1-10 ต.ค. 2549 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีได้ชักชวนให้ นางวราพร สุภารี อายุ 35 ปี ผู้เสียหายเดินทางไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรน เพราะมีรายได้ดี แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ประมาณ 120,000 บาท โดยจำเลยจะเป็นผู้จัดหาตั๋วเครื่องบิน ที่พักให้ โดยผู้เสียหายจะต้องชดใช้เงินคืนให้จำเลยภายหลัง และเมื่อผู้เสียหายเดินทางถึงสนามบินเมืองบานามา ประเทศบาห์เรน จำเลยได้เดินทางมารับถึงสนามบิน ก่อนพาไปพักที่อพาร์ตเมนต์ เพื่อขายบริการทางเพศ โดยจำเลยกับพวกเป็นผู้เก็บเงินค่าซื้อบริการ และยึดหนังสือเดินทางผู้เสียหายไว้ จากนั้น 1 เดือน ผู้เสียหายต้องการเดินทางกลับประเทศไทย เนื่องจากขายบริการได้น้อย และจะทำงานชดใช้หนี้ให้ แต่จำเลยไม่ยอม ผู้เสียหายจึงหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ก่อนส่งตัวกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2549 และเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (ปคม.) จับกุมจำเลยได้ภายหลัง จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่า ผู้เสียหายเดินทางไปขายบริการเอง และมาขอพักอาศัยด้วย

คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2639 มาตรา 9 วรรค 1 จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงเป็นลำดับในสาระสำคัญ ไม่ใช่คำเบิกความลอย ๆ ข้อต่อสู้จำเลยไม่มีสาระให้ต้องพิจารณา ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยเหมาะสมแล้ว อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
กำลังโหลดความคิดเห็น