ป.เร่งสางคดีระเบิดหน้าราม ยันวิธีประกอบระเบิดแตกต่างจากสถานการณ์ความรุนแรงในภาคใต้อย่างสิ้นเชิง แกะรอยรหัสใต้ฝากระป๋องนมสืบเสาะหาคนร้ายพบตะปูที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว เผยระเบิดถูกบรรจุในกระป๋องนม พบซากถ่านไฟฉาย-สายไฟจุดชนวน ไม่พบนาฬิกาถ่วงเวลา ตั้งประเด็น “ป่วนการเมือง-ขัดแย้งร้านเสริมสวย”
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดบริเวณปากซอย 43/1 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ ว่าขณะนี้ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้เป็นหน่วยสนับสนุนการสืบสวน จึงกำชับให้ กก.1 บก.ป.เข้าช่วยหาหลักฐานร่วมกับชุดสืบสวนของ บก.น.4 นอกจากนี้ได้รับคำสั่งจาก ผบ.ตร.ให้ประสานกับตำรวจนครบาล ในการจัดรถยนต์สายตรวจออกตรวจพื้นที่จุดเสี่ยงทั่ว กทม. โดยเฉพาะการตั้งด่านตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัย ให้ บก.ป.ร่วมตั้งด่านกับตำรวจนครบาล รวมทั้งความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยสถานที่ และบุคคลสำคัญเป็นการเฉพาะอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจาก กก.สส.บก.น.4 ว่า หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับให้ชุดสืบสวนร่วมกับชุดตรวจสอบวัตถุระเบิดหาแหล่งที่มาของระเบิดอย่างละเอียด เพื่อเป็นช่องทางในการแกะรอยจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ นอกจากนี้ ให้ตรวจสอบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตด้วย โดยมอบหมายให้ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น. 4 รับผิดชอบการบูรณาการการสืบสวนเป็นหลัก และให้เวลาการสืบสวนในเบื้องต้นเป็นเวลา 7 วัน โดยกำชับให้จับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ หรือให้คดีมีความคืบหน้ามากที่สุด อย่างไรก็ตาม ให้ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นหน่วยสนับสนุนในการหาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด และพยานที่อาจจะเกี่ยวข้องด้วย
มีรายงานด้วยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนของ บก.น.4 ได้มุ่งประเด็น 2 ประเด็นหลัก โดยประเด็นแรกนั้น อาจจะเกิดจากการเมือง โดยคนร้ายจำลองการประกอบระเบิดมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย และความหวาดกลัวขึ้นภายในกรุงเทพฯ ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดตรวจสอบวัตถุระเบิด เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการประกอบระเบิดนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงกับในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งในเรื่องของดินปืน อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบระเบิด และการจุดระเบิด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในภาคใต้ เพียงแต่คนร้ายต้องการประกอบระเบิดให้เหมือนมากที่สุดเท่านั้น
ประเด็นที่ 2 ชุดสืบสวนให้น้ำหนักไปที่ความขัดแย้งส่วนตัวของ เจ้าของ และผู้จัดการร้านเสริมสวยออกัส ซึ่งได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดมากที่สุดในบริเวณดังกล่าว โดยขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบประวัติและภูมิหลังของบุคคลทั้งสองว่าเคยมีความขัดแย้งกับใครมาก่อนหรือไม่ ส่วนเรื่องของความขัดแย้งด้านแย่งครอบครองพื้นที่ตลาดบริเวณนั้นชุดสืบสวนก็ยังคงตรวจสอบอยู่ หลังจากพบว่ามีอดีต เสธ.ทหารนายหนึ่งเคยเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่ตลาด แต่ประเด็นนี้ยังไม่มีความแน่ชัดมากนัก
สำหรับการตรวจสอบวัตถุระเบิด มีรายงานว่าชุดตรวจสอบพบว่าระเบิดที่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องคุกกี้นั้น ก่อนที่จะบรรจุในกล่องดังกล่าวดินระเบิดได้ถูกอัดแน่นอยู่ในกระป๋องนมยี่ห้อหนึ่ง ก่อนจะบรรจุลงกล่องคุกกี้ ซึ่งชุดตรวจสอบพบเศษฝาด้านล่างของกระป๋องนมดังกล่าวมีคราบเขม่าดินปืนอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังพบเศษส่วนด้านล่างของถ่านไฟฉายที่ใช้ในการจุดระเบิด และเศษสายไฟด้วย แต่ไม่พบนาฬิกาถ่วงเวลา และชนวนจุดระเบิดที่คนร้ายใช้ ขณะที่การตรวจสอบเศษตะปูที่คนร้ายใช้เป็นสะเก็ดระเบิดนั้นพบว่าเป็นตะปูเก่าขนาด 1.5 นิ้ว ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งหลักฐานทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งที่ชุดสืบสวนใช้เกาะรอยไปยังคนร้าย โดยเฉพาะฝากระป๋องนมนั้นชุดสืบสวนกำลังแกะรอยจากเลขรหัสที่เจ้าหน้าที่พบติดอยู่ที่ฝาดังกล่าว