xs
xsm
sm
md
lg

อัยการฟ้องเพิ่ม 19 แนวร่วม พธม.ก่อการร้าย

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


อัยการฟ้องเพิ่ม 19 พธม.ข้อหาร่วมกันก่อการร้ายปิดล้อมสนามบิน ทนายยื่นประกันคนละ 6 แสน ศาลนัดสอบคำให้การ 29 เม.ย.นี้ “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ โวย พนง.อัยการฟ้องข้อกล่าวหาเกินจริง ยืนยันการชุมนุมของ พธม.ยังไม่เข้าองค์ประกอบของข้อหาก่อการร้าย



ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (4 เม.ย.) อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 เพิ่มอีก จำนวน 19 คน ประกอบด้วย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกองทัพธรรม, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ, นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย, นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์, นายวสันต์ วานิชย์, นายมนตรี ชูชื่น, นายมนตรา ชูชื่น, นายแมน ฤทธิคุปต์, นายสุนทร รักรงค์, นางสมพร วงค์ป้อ, น.ส.ณัฐชา เพชรมั่นคงเจริญ,นายยศ เหล่าอัน, นางนุภารัก วงษ์เอก, นายศักดิ์สิทธิ์ เชื้อกลาง, นายระพินทร์ พุฒิชาติ, นายแสงธรรมดา กิติเสถียรพร, นายพงศธร ผลพยุง, น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง และนายพินิจ สิทธิโห
ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้ายเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ

โดยอัยการระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2551 รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีสถานการณ์ร้ายแรงในเขตพื้นที่ดอนเมือง ลาดกระบัง และ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.(ขณะนั้น) เป็นผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยได้ออกประกาศวันที่ 29 พ.ย. 2551 ห้ามมิให้มีการชุมนุมมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป บริเวณเขตดอนเมืองและพื้นที่อื่นๆ และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณพื้นที่ชุมนุมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) ห้ามใช้อาคาร ห้ามใช้พื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองและให้ประชาชนที่ชุมนุมบริเวณท่าอากาศยานดอนเมืองออกจากพื้นที่ทันที

ต่อมาวันที่ 29 พ.ย. 2551 พล.ต.ท.ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 หัวหน้าผู้รับผิดชอบพื้นที่ในเขตสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณเขตลาดกระบังและ อ.บางเสาธง ได้ออกข้อกำหนดอีก 1 ฉบับ กล่าวคือ ห้ามมีการชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 5 คน ชุมนุมในกรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ ห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในสนามบินสุวรรณภูมิใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณถนนบางนา-ตราด และที่อื่นๆ และห้ามผู้ใดไปในพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยใช้อพยพผู้ชุมนุมออกไปและห้ามกลับเข้ามาอีก ต่อมาจำเลยดังกล่าวในคดีนี้ได้ร่วมกับนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง และจำเลยที่ 1-30 และพวกที่ยังไม่ได้นำตัวมาฟ้องได้บังอาจร่วมกันแย่งหน้าที่กันทำในลักษณะต่างๆ กัน ทั้งเป็นกลุ่มปลุกระดม ปลุกเร้า จูงใจให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยบังอาจร่วมกันใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ดัดแปลงเป็นเวลาปราศรัย และรถชนิดต่างๆ อีกจำนวนหลายคัน เป็นยานพาหนะนำพากลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าว ซึ่งมีและใช้กระบอง ท่อนไม้ และธงที่มีด้ามเป็นวัตถุของแข็งปลายแหลมจำนวนหลายอัน เป็นอาวุธบุกเข้าไปภายในอาคารวีไอพีของท่าอากาศยานดอนเมือง และเข้าทำการยึดและปิดล้อมอาคารวีไอพี ซึ่งเป็นอาคารที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ใช้เป็นสถานที่ทำการของรัฐบาลและเป็นทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว และยังบุกรุกเข้าไปทำการยึดและทำการปิดล้อมอาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หลังจากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุก 6 ล้อ ซึ่งดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัย จอดปิดกั้นขวางทางการจราจรไว้ที่บริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงานท่าอากาศดอนเมือง โดยนำเอายางรถยนต์ แผงเหล็ก ลวดหนาม ลวดหีบเพลงจำนวนมาก ไปวางปิดกั้นสะพานกลับรถบนถนนวิภาวดี-รังสิตขาออก เป็นเหตุให้ประชาชนไม่สามารถใช้สัญจรได้

ทั้งนี้ แนวร่วมพันธมิตรฯ อีกพวกหนึ่งยังได้บุกเข้าไปในสถานที่ทำการติดตั้งเสาเรดาร์ของ บ.วิทยุการบินฯแล้วเอาจานรับสัญญาณโทรทัศน์ของผู้ชุมนุมไปติดตั้งไว้ใกล้ๆ ทำให้สัญญาณเรดาร์ใช้การไม่ได้ การบินหยุดชะงัก และยังขู่เข็ญห้ามไม่ให้เครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินดอนเมือง และพวกจำเลยได้ทำร้าย ขู่เข็ญเจ้าพนักงานหลายครั้งซึ่งเป็นความผิดต่างกรรม ต่างวาระ มีอัตราโทษสูง อันเป็นความผิดตามกฎหมายจึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชานด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน กระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ, ร่วมกันเข้าไปรบกวนการครอบครอง เข้าไปซ่อนตัวในอาคารสำนักงานของผู้อื่นและไม่ยอมออกไปจากสถานที่นั้น โดยใช้กำลงประทุษร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ร่วมกันทำลาย ทำให้เสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าอากาศยานที่ให้บริการบินพลเรือน หรือทำให้การบริการของท่าอากาศยานหยุดชะงักลง ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำ อ. 1279 /2556 และนัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 29 เม.ย. เวลา 09.00 น.

ต่อมา น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความของพวกจำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เป็นแคชเชียร์เช็ค จากกองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม คนละ 6 แสนบาท ประกันตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ด้านนายไชยวัฒน์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวแล้วคิดว่า ข้อกล่าวหาก่อการร้ายที่พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนั้น เป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่เกินจริง เพราะส่วนตัวเห็นว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้นยังไม่เข้าข่ายองค์ประกอบของข้อหาก่อการร้าย ทั้งนี้ก็จะนำสืบในชั้นศาลว่าไม่เข้าข่ายข้อหานี้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยคดีนี้มีทั้งหมด 114 คน ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ และแนวร่วมเป็นจำเลยในคดีก่อการร้ายแล้ว 3 ชุด รวมทั้งสิ้น 56 คน ประกอบด้วยชุดแรก 1. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 2. นายสนธิ ลิ้มทองกุล 3. นายพิธพ ธงไชย 4. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 5. นายสุริยะใส กตะศิลา 6. นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ 7. นายศิริชัย ไม้งาม 8. นายสำราญ รอดเพชร 9. นางมาลีรัตน์ แก้วก่า 10. นายสาวิทย์ แก้วหวาน 11. พ.ต.อ.สันธนะ ประยูรรัตน์ 12. นายชนะ ผาสุกสกุล 13. นายรัชต์ชยุตม์ หรืออมร อมรรัตนานนท์ 14. นายประพันธ์ คูณมี 15. นายเทิด ภูมิใจดี 16. น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 17. นายพิชิต หรือตั้ม ไชยมงคล 18. นายบรรจง นะแส 19. นายสุมิตร นวลมณี 20. นายพิเชฐ พัฒนโชติ 21. นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 22. นายอธิวัฒน์ บุญชาติ 23. นายจำรูญ ณ ระนอง 24. นายแสงธรรม ชุนชฎาธาร 25. นายไทกร พลสุวรรณ 26. นายสุชาติ ศรีสังข์ 27. นายอำนาจ พละมี 28. พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ 29. นายเกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา 30. นายกิตติชัย หรือจอร์ส ใสสะอาด และ 31. บ.เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด

ชุดที่ 2 จำนวน 14 คน นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด, นายปราโมทย์ หอยมุกข์, นายสุทิน วรรณบวร, นายสุริยนต์ สุวรรณวงศ์, นางกรรณิกา วิชชุลตา, น.ส.ต้นฝัน แสงอาทิตย์, พล.ร.ต.มินท์ กลกิจกำจร, นายสถาวร ศรีอำนวย, นายคมกฤษณ์ พงษ์สัมพันธ์, นายอนุชา ประธาน, นายสมัชชา วิเชียร, นายสุพัฒน์ นิลบุตร, นายประทีป ขจัดพาล และนายประมวล หะหมาน

ชุดที่ 3 จำนวน 11 คน นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง ดารานักแสดง, นายสุรวิชช์ วีรวรรณ ผอ.สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี, น.ส.สโรชา พรอุดมศักดิ์, นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที, นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ, นายเติมศักดิ์ จารุปราณ, น.ส.วรรษมน ช่างปรีชา, นายสุนันท์ ศรีจันทรา, น.ส.กมลพร วรกุล, นายชัชวาล ชาติสุทธิชัย รวมจำเลยทั้งหมดที่อัยการยื่นฟ้องแล้วทั้งสิ้น 75 คน









กำลังโหลดความคิดเห็น