ตำรวจ สน.ประชาชื่นควบคุมตัวผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเหยื่อโอนเงินเข้าบัญชีฝากขังต่อศาลอาญารัชดา พร้อมาคัดค้านการประกันตัวหวั่นหนีออกนอกประเทศ!
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (13 มี.ค.) ร.ต.ท.วงศกร นุ่มนวล พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว น.ส.ลู่เซิน แซ่หยาง อายุ18 ปี นายเฮยกุ่ย แซ่หวัง อายุ 34 ปี หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีให้สินบนเจ้าพนักงาน มาขออนุญาตศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 มี.ค. 2556 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปี รวมถึงรอผลตรวจพิมพ์มือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร
คำร้องฝากขังระบุว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านเลขที่ 103/37 ม.6 ซ.นุกูลธร ถ.งามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. มีชาวต่างชาติรวมกลุ่มกันใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์หลอกให้บุคคลอื่นทำธุรกรรมทางการเงิน จึงนำหมายค้นไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พบ น.ส.อะหลูมะ แซ่จาง แม่บ้านและนายหลี ตุงไห่ กับพวกกำลังนั่งทำงานโดยสนทนากับบุคคลภายนอก จึงเข้าจับกุม ขณะนั้นผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้เสนอเงิน 9 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนจับกุม โดยผู้ต้องหาที่ 2 ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะมีคนชื่อ “พี่ใหญ่” นำเงินมาให้ก่อน 8 แสนบาท เมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้วจะนำเงินมาให้อีกจำนวน 1 แสนบาท จึงจับกุมส่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงาน ดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นชาวต่างด้าวเกรงว่าหากได้ประกันตัวอาจหลบหนี ศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ยังได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาชาวจีนไต้หวัน ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก 22 คน ที่ร่วมกับ น.ส.ลู่เซิน แซ่หยาง และนายเฮยกุ่ย แซ่หวัง หลอกลวงเหยื่อให้ทำธุรกรรมทางการเงินและโอนเงินมาเข้าบัญชี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นพนักงานมีหน้าที่คอยสนทนาทางโทรศัพท์กับบุคคลภายนอก และถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 มาตรา 51
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (13 มี.ค.) ร.ต.ท.วงศกร นุ่มนวล พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้ควบคุมตัว น.ส.ลู่เซิน แซ่หยาง อายุ18 ปี นายเฮยกุ่ย แซ่หวัง อายุ 34 ปี หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีให้สินบนเจ้าพนักงาน มาขออนุญาตศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-24 มี.ค. 2556 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปี รวมถึงรอผลตรวจพิมพ์มือจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร
คำร้องฝากขังระบุว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านเลขที่ 103/37 ม.6 ซ.นุกูลธร ถ.งามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. มีชาวต่างชาติรวมกลุ่มกันใช้โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์หลอกให้บุคคลอื่นทำธุรกรรมทางการเงิน จึงนำหมายค้นไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา พบ น.ส.อะหลูมะ แซ่จาง แม่บ้านและนายหลี ตุงไห่ กับพวกกำลังนั่งทำงานโดยสนทนากับบุคคลภายนอก จึงเข้าจับกุม ขณะนั้นผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ได้เสนอเงิน 9 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนจับกุม โดยผู้ต้องหาที่ 2 ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะมีคนชื่อ “พี่ใหญ่” นำเงินมาให้ก่อน 8 แสนบาท เมื่อได้รับการปล่อยตัวแล้วจะนำเงินมาให้อีกจำนวน 1 แสนบาท จึงจับกุมส่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงาน ดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพ
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นชาวต่างด้าวเกรงว่าหากได้ประกันตัวอาจหลบหนี ศาลสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ยังได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาชาวจีนไต้หวัน ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีก 22 คน ที่ร่วมกับ น.ส.ลู่เซิน แซ่หยาง และนายเฮยกุ่ย แซ่หวัง หลอกลวงเหยื่อให้ทำธุรกรรมทางการเงินและโอนเงินมาเข้าบัญชี ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นพนักงานมีหน้าที่คอยสนทนาทางโทรศัพท์กับบุคคลภายนอก และถูกแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2521 มาตรา 51
