xs
xsm
sm
md
lg

ปิดฉากประชุม หน.ตำรวจอาเซียน ตั้งเป้า 2 ปีปลอดยานรก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.จับมือกับผบ.ตร.ชาติอาเซียน
ปิดฉากประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ไทยเสนอตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจอาเซียน พร้อมผนึกกำลังปราบอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 2 ปี ตั้งเป้าภูมิภาคอาเซียนปลอดยาเสพติด

วันนี้ (21 ก.พ.) ที่โรงแรมดุสิตธานี พัทยา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้ร่วมลงนามรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 33 กับหัวหน้าตำรวจอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศบรูไนดารุสซาลาม, ราชอาณาจักรกัมพูชา, สาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สปป.ลาว, มาเลเซีย, สาธารณรัฐฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐสิงคโปร์, ราชอาณาจักรไทย, สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และสหภาพพม่า หลังจากมีการประชุมกันระหว่างวันที่ 18-21 ก.พ.ที่โรงแรมดุสิตธานี เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การสร้างกลไกความร่วมมือซึ่งกันและกัน การสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง และทันเวลา เกี่ยวกับความเคลื่อนไหว และการป้องกันอาชญากรรม การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ อันจะนำมาเป็นต้นแบบในการฝึกอบรม เพื่อเสริมศักยภาพของประเทศสมาชิก รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือและร่วมมือในด้านการสืบสวน การรวบรวมพยานหลักฐาน การจับกุม อาชญากรรมข้ามชาติประเภทต่างๆ และการยกระดับศูนย์ข้อมูลตำรวจอาเซียน (Electronic Aseanapol Data base Sytem) (E-ADS) เพื่ออำนวยความสะดวก และเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศทางอาญา อีกทั้งยังร่วมมือกันให้ 10 ประเทศอาเซียนปลอดยาเสพติดภายในปี 2558

นอกจากนี้ ยังได้รับรองแผนปฏิบัติการในการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจอาเซียน ตามข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประเทศไทย เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ วางแนวทางปฏิบัติ และติดตามข้อมูลข่าวสารแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านนิติวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศสมาชิก อีกทั้งการดำเนินการวางหลักการ รายละเอียดในการสร้างเครือข่ายตำรวจให้ขยายไปในระดับภูมิภาค และระดับทวีป โดยการเชิญองค์กรตำรวจอื่นๆ เข้าร่วมประชุมทั้งในฐานะผู้สังเกตการณ์ หรือประเทศคู่เจรจา

หน่วยงานตำรวจของประเทศสมาชิก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้รับประโยชน์ จากการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันระหว่างหน่วยงาน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ และการวางมาตรการในระดับนโยบายร่วมกัน อันจะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคในอนาคต ทั้งนี้ ประเทศฟิลิปปินส์ จะเป็นเจ้าภาพในการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียน ครั้งที่ 34 ​ในปีต่อไป

การประชุมในครั้งนี้ ได้นำมาซึ่งแนวทางปฏิบัติ/กลไกการดำเนินงาน เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาค ด้านต่างๆ ดังนี้ 1.การลักลอบค้ายาเสพติด (Illicit Drugs Trafficking) 2.การก่อการร้าย (Terrorism) 3.การลักลอบค้าอาวุธ (Arms Smuggling)
​4.การค้ามนุษย์ (Human Trafficking)
5.การฉ้อโกงทางทะเล (Maritime Fraud)
6.อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ความผิดเกี่ยวกับธนาคาร และการปลอมแปลงบัตรเครดิต (Commercial Crime, Bank Offences and Credit Card Fraud) 7.อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ (Cyber Crime) ​8.การปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง (Fraudulent Travel Document) 9.การฉ้อโกงระหว่างประเทศ (Transnational Fraud) 10.ความคืบหน้าของระบบศูนย์ข้อมูลตำรวจอาเซียน (Progress on Electronic-ASEANAPOL Database System (e-ADS)
11.ความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา (Mutual Assistance on Criminal Matters) 12.การแลกเปลี่ยนบุคลากร (Exchange of Personnel)

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.กล่าวปิดการประชุมว่า ปรากฏการณ์อาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้นในที่ต่างๆ รายรอบตัวพวกเรายิ่งนานวันยิ่งมีความสลับซับซ้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับหัวหน้าตำรวจทุกคนที่จะต้องเตรียมตัว และผสานสรรพกำลังในการต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว ดังนั้น พันธสัญญาของหัวหน้าตำรวจอาเซียนที่จะธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ และเสถียรภาพแห่งภูมิภาคจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหัวหน้าตำรวจอาเซียนของเราอย่างแท้จริง ผนวกกับความทุ่มเท ทำให้เราสามารถบรรลุภารกิจ และได้มาซึ่งแนวทางปฏิบัติใหม่เพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่่างยิ่งอาชญากรรมข้ามชาติที่กำลังเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน เราได้สร้างความเข้มแข็งพร้อมกับขยายความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อจัดการกับปัญหาอาชญากรรมประเภทต่างๆ ที่กำลังคุกคามอยู่

ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมวันนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งที่ไทยได้รับความไว้วางใจให้เป็นเจ้าภาพ โดย 3 วันที่ผ่านมา การประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น โดยมีการหารือถึงการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมด้านต่างๆ เน้นในเรื่องยาเสพติด ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และไซเบอร์คราม โดยในส่วนของไทยได้เสนอให้มีการตัั้งศูนย์นิติวิทยาศาสตร์อาเซียน ซึ่งที่ประชุมได้รับหลักการไว้แล้ว และจะศึกษาพัฒนาว่ามีประเทศไหนมีความพร้อม ทั้งนี้ ยอมรับว่าประเทศมีความพร้อมในระดับหนึ่ง แต่ต้องดูมติที่ประชุมด้วย ส่วนในเรื่องข้อกฎหมายที่มีความแตกต่าง ที่ประชุมมีการทบทวนและพิจารณาวิธีการแก้ปัญหาเรื่องประสานงานร่วมกันระหว่างประเทศอาเซียน ท้้งนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือเรื่องก่อการร้าย เรื่องนี้ได้ประสานข้อมูลกันพร้อมให้องค์ความรู้เพื่อกำหนดมาตการป้องกันดำเนินการ เนื่องจากบางประเทศมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

กำลังโหลดความคิดเห็น