รอง ผบ.ตร.เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวนคดีที่ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี อดีต สว.สส.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพวกรวม 9 คนร่วมกันล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำสำนวนสรุปส่งอัยการ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 30 นาที จ่อสั่งฟ้อง ชี้ชัดพฤติกรรมกระทำความผิดจริงหากอัยการสั่งฟ้อง “ออกจากตำรวจทันที” ปัดอัยการตัดสินเรื่องการให้ประกันตัว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 11 ก.พ. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวนคดีที่ พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี อดีต สว.สส.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพวกรวม 9 คน ร่วมกันล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำสำนวนสรุปส่งอัยการ โดยใช้เวลาการประชุมประมาณ 30 นาที
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า วันนี้ได้เรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวตามที่พนักงานอัยการได้สั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมใน 12 ประเด็น และตนได้สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติมเล็กน้อย โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมหลักฐานเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างสรุปสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้อง คาดว่าจะส่งสำนวนให้อัยการได้ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งเท่าที่ตรวจดูการสอบสวนคิดว่าพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานอย่างละเอียดแล้ว โดยพยานหลักฐานเห็นว่าผู้ต้องหาได้กระทำเป็นขบวนการ มีผู้ต้องหาบางคนเข้าไปในเขตอุทยานมากกว่า 1 ครั้ง เพียงแต่จับไม่ได้ ส่วน พ.ต.ท.ธีรยุทธเป็นคนในพื้นที่นั้นและชอบเข้าไปในอุทยาน โดยพยานได้ชี้ชัดว่า พ.ต.ท.ธีรยุทธร่วมอยู่ในขบวนการล่าสัตว์เช่นกัน ตั้งแต่การเช่าเรือ การลงเรือ การทำกิจกรรมร่วมกับผู้ต้องหาคนอื่น และมีภาพถ่ายสัตว์ป่าที่ถูกล่า แต่ไม่ได้ยืนยันว่าผู้ต้องหาแต่ละคนแบ่งหน้าที่กันทำอะไรบ้าง ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ในการล่าสัตว์จะเสนอให้ฝ่ายปกครองเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมทั้งริบของกลางด้วย ทั้งนี้ ผู้ต้องหารายอื่นที่ได้สั่งฟ้องไปแล้วพนักงานสอบสวนได้หลักฐานเพิ่มเติมและจะส่งให้อัยการไปในครั้งนี้ด้วย เพื่อยืนยันพฤติกรรมของผู้ต้องหา
“พนักงานสอบสวนกำลังทำสำนวนสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธ เพราะพยานหลักฐานที่รวบรวมไว้ชี้ชัดว่า พ.ต.ท.ธีรยุทธมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล่าสัตว์ป่า ส่วนจะได้ประกันตัวหรือไม่ขึ้นอยู่กับอัยการจะพิจารณา หากเมื่ออัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธแล้วก็จะให้ออกจากราชการไว้ก่อน และจะนำสำนวนที่อัยการสั่งฟ้องมาพิจารณาประกอบการสอบสวนวินัยร้ายแรงด้วย” รองผบ.ตร.กล่าว และว่า สำหรับ พ.ต.ท.กตลยุทธ วงษ์เพชร์ สว.สส.สบ 3 ซึ่งทำหน้าที่พนักงานสอบสวนของ ตร.ชุดเดิมนั้น ได้มีคำสั่งให้พ้นจากหน้าที่ไปประจำที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 7 แล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งให้ควบคุมพยานบุคคลซึ่งเป็นประชาชนในคดีนี้ด้วย หากมีการข่มขู่พยานให้รายงานมาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติทันที
ด้าน พล.ต.ท.จรัมพรกล่าวว่า การสอบสวนที่ทางอัยการสั่งสอบเพิ่มเติม 12 ประเด็นนั้น ได้ทำการสอบสวนเจ้าหน้าที่ผู้จับกุม พยานฝ่ายผู้กล่าวหาและพยานฝ่ายตำรวจ ซึ่งหลักฐานที่พบเชื่อมโยงกับสถานที่และกิจกรรมที่ผู้ต้องหาทำร่วมกัน โดยภาพถ่ายต้นมะเดื่อในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ได้มา เมื่อนำมาเปรียบเทียบโดยระบบจีพีเอสตรวจจับ พบว่าอยู่ในระดับ 47 พี ซึ่งเป็นพื้นที่เดียวกันในภาพถ่าย และปลอกกระสุนปืนที่พบในเรือ เมื่อนำไปตรวจเปรียบเทียบแล้วยืนยันว่าเป็นกระสุนปืนยี่ห้อซีแซดที่ผู้ต้องหาใช้ในการล่าสัตว์