ตรงเป้า
ศรรามา
เกิด 2 เหตุการณ์ “อัปยศ” ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งเด็กและเยาวชนไทย มิควรเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะวันเดียวกันนั้น มีภาพรองนายกรัฐมนตรีไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในสภาพเมาหนัก อยู่ในประเทศมาเลเซีย และ “ม็อบสีเขียว” ยกพลไปกดดันคุกคามหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี บุรุษผู้กลัวความสูง ยกคณะระดับบิ๊กกองทัพบก เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เลขาธิการ ศอ.บต.และที่ขาดไม่ได้เพราะเป็น “คอไวน์” ด้วยกัน พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา “สิงห์ตาปรือ” เลขาธิการคู่ใจ ไปพบ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย สนทนาหารือเรื่องสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ของไทย แต่ข่าวคราวที่คนไทยรับรู้ นายกฯ มาเลเซียยินดีให้ความร่วมมือ ก็แค่นั้นเอง และไม่แน่ใจว่า นายนาจิบ บอกว่า จะให้ความร่วมมือจริงเปล่า เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม พูดเอง จะต้องไปพบ นายมหาเธร์ โมฮัมเหม็ด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งรัฐบาลมอบหมายให้ดูแลด้านเศรษฐกิจชายแดนมาเลเซีย-ไทย
หากจับคำพูดของ ร.ต.อ.เฉลิม จะพบว่า มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลเรื่องการเจรจาความกับนายราจิบ โดย ร.ต.อ.เฉลิม ปูดเอง ต้องหาคนที่พูดแล้วเขาเชื่อถือ ไปพูดกับเขา แสดงว่า ตัวเองไม่มีน้ำยา และจะเดินทางไปพบผู้นำอินโดนีเซีย เพื่อหาทางแก้ไขต่อไป อ้างปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไม่สามารถแก้ไขในประเทศได้
แต่ข่าวที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พา ร.ต.อ.เฉลิม ไปพบคนไทย เจ้าของร้านต้มยำกุ้งในมาเลเซีย กลับดังกว่า และดูจะเป็นความภาคภูมิใจของ ร.ต.อ.เฉลิม เพราะกลับมาคุยฟุ้งฝุ่นกระจายในเรื่องนี้
มีร้านต้มยำกุ้งของคนไทย ใน 13 รัฐของมาเลเซีย มากถึง 6,500 ร้าน มีคนงาน 150,000 คน แต่คนงานไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานถูกต้องมีเพียง 9,400 คน ที่เหลือยังเป็นแรงงานเถื่อน เพราะรัฐบาลมาเลเซียอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะกุ๊กกับผู้ช่วยกุ๊กเท่านั้น พนักงานเสิร์ฟไม่มีสิทธิ์
ความภาคภูมิใจของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ที่ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีมหาดไทยของมาเลเซีย ขอให้อนุญาตพนักงานเสิร์ฟร้านต้มยำกุ้ง ขึ้นทะเบียนแรงงานด้วย แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ไม่บอกว่ารัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย ตกปากรับคำประการใด
กลับเมืองไทย ร.ต.อ.เฉลิม ต้องเจอกับเรื่องที่ตนเองก่อขึ้นในมาเลเซีย สาธุชนรุมประณามว่าเป็นความอัปยศอดสู เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย แต่กลับไปกินไวน์เมามายในดินแดนที่นับถือศาสนาอิสลาม
ครั้งแรกทำท่าไม่ยอมรับ เหมือนกับที่เคยอ้างด้านๆ ตอนไปฮ่องกง ว่า พาครอบครัวไปเที่ยว ไม่ได้พบกับ “ทักษิณ ชินวัตร” แต่ภาพที่สื่อฮ่องกงนำมาเผยแพร่ เป็นภาพ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนโงนเงนขณะส่งทักษิณขึ้นรถหน้าโรงแรม
นี่ก็เหมือนกัน เมื่อดิ้นไม่ออก เพราะภาพมันฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม จึงรับว่าเมาไวน์ ไปเจอเพื่อนเก่าอีก 4 คน ซึ่งเป็นสหายร่วมแก๊ง 5 ทหารเสือกับตน 5 คน ล่อไวน์ไป 8 ขวด จะไม่ให้ไม่เมาได้ยังไง แต่ไม่วายคุยโวว่าไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ได้กินในเวลางาน แต่เรื่องที่สำคัญกว่าเมาไวน์ ต้องถาม ร.ต.อ.เฉลิม ว่า รู้สึกรู้สากับ 2 เรื่องต่อไปนี้หรือไม่
เหตุเกิดวันเดียวกัน 11 มกราคม 2556 ตอนเช้า ร.อ.อนุชา มหาวิวัฒน์ นำชุดลาดตระวน กองร้อยทหารราบ หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 เอาของขวัญไปแจกเด็กตามโรงเรียนต่างๆ โดนระเบิดที่โจรใต้วางไว้ในท่อระบายน้ำลอดใต้ถนน ทางเข้าหมู่บ้านมะกะ ต.ประจัน อ.ยะรัง ปัตตานี ส.อ.สหเทพ ปีไทยสง กับ พลฯ อนุรัตน์ สุนทรกิตติ์ ถึงแก่ความตาย ร.อ.อนุชา กับ ส.อ.นิรันดร์ ประสิทธิพันธุ์ บาดเจ็บสาหัส
ตอนค่ำใกล้เที่ยงคืน คนร้ายยิงเอ็ม 16 ถล่มใส่รถฉลามบกของตำรวจทางหลวง ที่หน้าป้อมยามกลาพอ ต.เตาะบอน อ.สายบุรี ปัตตานี 3 ชีวิตที่อยู่ในรถตายคาที่ ด.ต.วรวิทย์ แก้วสีอ่อน ด.ต.ปฐมพงษ์ โต๊ะสามารถ และ นายลีแจ สุหลง คนทำความสะอาดป้อมยาม
แล้ววันเดียวกันนี่แหละ ทหารกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา กองทัพภาคที่ 1 ประมาณ 50 นาย นำโดย จ.ส.อ.อนุชิต ศิลปวาที เสมียนธุรการของกองร้อย ตบเท้าไปชุมนุมหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ถนนพระอาทิตย์ ในลักษณะข่มขู่และคุกคาม อ้างว่า พวกเขาเจ็บแค้นแทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ถูกผู้จัดการใข้ถ้อยคำรุนแรง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวใจของกองทัพบก
งานนี้ พ.ต.นนท์ จุลานนท์ ผู้บังคับกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยา ลูกชาย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี แต่งเครื่องแบบสนามไปยืนคุมลูกน้องด้วย
วันเดียวกัน ยังไม่สะใจไม่หายแค้น เช้าวันที่ 12 มกราคม 2556 มีปฏิบัติการโชว์วันเด็ก ทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 11 แต่งเครื่องทั้งชุดปกติและชุดสนาม ประมาณ 50 นาย ไปชุมนุมยังที่แห่งเดิม เรียกร้องให้ผู้จัดการขอโทษ
ทั้งๆ สาเหตุเกิดจากตัวตนของ พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนๆ ที่ให้สัมภาษณ์เหยียดหยาม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ว่า เอาศักดิ์ศรีอะไร ถึงมาวิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างรุนแรง ทำให้ผู้จัดการโต้ตอบกลับไป “ไอ้ผู้จัดการห่วยหรือไอ้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ห่วยกันแน่”
เป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรง ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพบก หลายเรื่องหลายกรณี หาได้พาดพิงถึงกำลังพลหน่วยใดหรือคนใดเลย
เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ โกรธแค้น และเป็นสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ก็สมควรจะชี้แจงกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ โดยใช้ช่องทางใดก็ได้ในหลายช่องทางเลือก แต่ไม่ใช่ช่องทางอัปยศดังที่เกิดเหตุขึ้น ด้วยการหลิ่วตาให้ท้ายลูกน้อง ว่า เป็นพฤติกรรมที่กระทำได้เพราะไม่ผิดกฎหมาย
หรือเมื่อกำลังพลของกองทัพภาคที่ 1 และมณฑลทหารบกที่ 11 โกรธแค้นแทนนาย ก็น่าจะติดต่อขอเหตุผลและคำชี้แจงกับกองบรราธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอันเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่แสดงอำนาจเอาเครื่องแบบทหารของชาติ มาขุ่มขู่คุกคามถึง 2 วันติดกัน
เมื่อคราวเกิดน้ำท่วมใหญ่หลายจังหวัด ประชาชนชื่นชมสรรเสริญรั้วของชาติทั้ง 3 เหล่า ที่ออกช่วยเหลือประชาชนให้พ้นภัยพิบัติ แต่ภาพทหารบกที่หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ มันลบล้างภาพวีรบุรุษน้ำท่วมอย่างสิ้นเชิง
ทั้ง “เหลิมเมาแอ๋” และ “ม็อบสีเขียวคุกคามสื่อ” มันเป็นภาพที่ประสมประสานกันโดยแท้ ระหว่างความอัปยศและถ่อยสถุล