เกิดเหตุยิงกันตายกลางดึกย่านดอนเมือง ตร.รุดตรวจสอบพบผู้ตายนอนตายจมกองเลือดในรถปิกอัพคู่ชีพ สอบภรรยาพบผู้ตายถูกโทรศัพท์ลวงให้ออกมาดูพระก่อนถูกลงมือสังหารโหดก่อานคนร้ายหลบบหนีไปอย่างรวดเร็ว ผบก.น.2 เผยความคืบหน้าผู้ตายไม่ใช่เซียนพระเป็นคนเก็บของเก่าขาย คาดปมสังหารขัดแย่้งธุรกิจ
วันนี้ (5 พ.ย.) เวลา 02.30 น. พ.ต.ท.เจริญ น๊ะจันต๊ะ พนังงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งเหตุ ชายถูกยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิตในรถกระบะ ในลานจอดรถดอนเมือง ไดร์ฟวิ่งเร้นจ์ ซอยวิภาวดีรังสิต 84 แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ก่อนประสานแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และรายงานให้ พล.ต.ต.มานิตย์ วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เจริญ ศรีศสลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.สำราญ นวลมา. ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.วุฒิชัย สุคนธวิท รอง ผกก.สน.ดอนเมือง พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ยุทธภัณฑ์ศิริกุล สว.สส.สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ศิรณวิชญ์ อินทร สว.สส.สน.ดอนเมือง ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุปากทางเข้าซอยวิภาวดีรังสิต 84 ด้านขวามือเป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟชื่อดอนเมือง ไดร์ฟวิ่งเร้นจ์ ส่วนด้านซ้ายมือเป็นที่จอดรถของสนามไดร์ฟกอล์ฟดังกล่าว พบรถกระบะตอนครึ่งยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ลฮ 3037 กรุงเทพฯ โดยท้ายกระบะติดตั้งรั้วเหล็กคล้ายรถบรรทุกผักผลไม้ ใส่ล้อแม็กสีดำทั้ง 4 ล้อ ขณะที่ล้อหลังด้านขวาลักษณะยางแตกและวิ่งบดกับพื้นถนนจนยางขาดวิ่น บริเวณเบาะคนขับพบศพนายตุลยดิษฐ์ สวนแก้ว อายุ 32 ปี บ้านเลขที่ 137/1 ซอยเจริญ 65 แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. สวมเสื้อคลุมผ้าร่มสีน้ำเงินคาดสีขาวและสีแดง สวมกางเกงยีนสีขาว ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่กลางศีรษะหรือกลางกระหม่อม ส่วนอีกนัดมีรอยกระสุนจากสะบักหลังด้านขวากระสุนทะลุหน้าอกด้านซ้าย นอนเสียชีวิตจมกองเลือด ลักษณะศีรษะผู้ตายไปอยู่ที่เบาะคนนั่งข้างคนขับ และปลายเท้าพาดยาวอยู่ที่เบาะฝั่งคนขับ โดยที่ศพผู้ตายยังสะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาล อีกทั้งประตูฝั่งคนขับแง้มอยู่ปิดไม่สนิท
จากการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ในรถผู้ตายพบพระเครื่องจำนวนหนึ่งใส่ถุงพลาสติกใส่ซุกไว้ใต้เบาะคนขับ ส่วนในกระเป๋าหนังสะพายข้างผู้ตายพบพระเครื่องอีกจำนวนหนึ่ง และในรถยังพบหนังสือพระเครื่องอีก 2 เล่ม อีกทั้งยังพบห่อกระดาษสีน้ำตาลข้างในมีแผ่นกระดาษตัดเหลี่ยม 2 ปึก คล้ายเงินสด โดยที่ซองกระดาษสีน้ำตาลเขียนคำว่าอ้วน 350,000 บาท นอกจากนี้ยังพบหัวกระสุนปืนสีทองแดงขนาด 9 มม.ตกอยู่ที่พรมยางที่วางเท้าที่นั่งข้างคนขับตกอยู่ 1 หัว
พ.ต.อ.เจริญเปิดเผยว่า เมื่อช่วงประมาณ 02.00 น.ตำรวจ สน.ดอนเมือง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในซอยวิภาวดีรังสิต 84 ให้มาช่วยจับคนร้ายปีนเข้าบ้าน ก่อนประสานให้ตำรวจสายตรวจ สน.ดอนเมืองขับ จยย.เข้ามาดู เมื่อขับรถถึงปากทางสังเกตุเห็นรถกระบะคันเกิดเหตุจอดนิ่งในเงามืดจึงเข้ามาตรวจสอบพบผู้ตายถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิตก่อนแจ้งผู้บังคับบัญชาให้มาตรวจสอบ
พล.ต.ต.มานิตย์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบภาพวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุและใกล้เคียงเพื่อหาว่าผู้ตายเข้ามาที่ลานจอดรถกี่โมง นอกจากนี้ได้สอบถามภรรยาผู้ตายทราบว่าช่วงเย็นวันเกิดเหตุสามีได้ติดต่อชายคนหนึ่งเรื่องซื้อขายพระ แต่ยังไม่ทราบว่าใครต้องรอสอบปากคำภรรยาผู้ตายให้ชัดเจนก่อน ส่วนยางรถกระบะผู้ตายแตกและขาดวิ่นลักษณะคล้ายวิ่งบดมา คาดว่าน่าจะขับหนีมาทั้งยางแตก ก่อนคนร้ายตามมาจนทันและใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ออโตเมติกยิงที่ลานจอดรถระยะประชิด ส่วนปมสังหารนั้นต้องรอสอบพยานบุคคลและพยานแวดล้อมให้มากกว่านี้ และยังไม่ตัดประเด็นสังหารอื่นๆ
ต่อมาในช่วงเช้า พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 กล่าวภายหลังประชุมติดตาม คดีคนร้าย ยิงนายตุลยดิษฐ์ สวนแก้ว อายุ 32 ปี เซียนพระ ย่านเจริญกรุง เสียชีวิต ในรถกระบะ ภายในซอย วิภาวดี 84 เมื่อกลางดึก ที่ผ่านมาว่า. เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้ว 3 ปาก โดยพยานปากสำคัญ คือ ภรรยาของผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้ ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ได้มีโทรศัพท์เข้ามายังเครื่องของสามีว่าให้ออกไปดูพระ จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ตลอดทั้งคืน จนกระทั่งมาทราบข่าวจากตำรวจว่าสามีถูกยิงเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะขับรถตามนายดุลยดิษฐ์มา เมื่อสบโอกาสก็ลงมือสังหารจนเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวติดตามกล้องวงจรปิดทั้งในที่เกิดเหตุและในเส้นทาง ที่ผู้ตายขับรถผ่านในเส้นทางถนนวิภาวดี และทางยกระดับโทลล์เวย์ด้วย อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริญา รอง ผบช.น.จะได้เรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีอีกครั้ง
ความคืบหน้าวันนี้ (5 พ.ย.) เวลา 12.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์ดังกล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายตุลยดิษฐ์ผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้มีอาชีพรับซื้อของเก่าและเพิ่งมาทำอาชีพซื้อขายพระเครื่องได้ประมาณปีครึ่งที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเซียนพระแต่อย่างใด รวมทั้งยังเคยมีหมายจับคดีฉ้อโกงในพื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ และสน.ประเวศ ซึ่งจะต้องตรวจสอบกันอีกทีว่าหมายหมดอายุไปแล้วหรือยัง
พล.ต.ต.ปริญญากล่าวอีกว่า จากการสอบถามภรรยาผู้ตายทราบว่าก่อนออกจากบ้านผู้ตายได้บอกภรรยาว่าจะไปซื้อขายพระเครื่องให้ลูกค้ารายหนึ่ง ทั้งนี้ จากการสันนิษฐานเชื่อว่าผู้ตายน่าจะถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตในช่วงเวลาไม่น่าเกินประมาณ 22.00 น. เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.) แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบรถกระบะของผู้ตาย ช่วงเวลาประมาณ 02.30 น. ที่ผ่านมา
“ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบซองกระดาษสีน้ำตาลบรรจุกระดาษทำคล้ายกับธนบัตร ระบุหน้าซองว่า อ้วน 350,000 บาท น่าอาจจะเป็นการหลอกเอาเงินปลอมมาซื้อขายพระแต่จากการสันนิษฐานน่าจะรู้จักกับคนร้ายด้วย พร้อมให้ติดตามตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุโดยรอบ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด” พล.ต.ต.ปริญญากล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี ผบก.น.2 เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่าเคยเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงต้มตุ๋น ซึ่งเคยถูกจับที่ สน.ลาดพร้าว และสน.บางมดในคดีเดียวกันนี้ และยังมีหมายจับในคดีลักษณะดังกล่าวอีก 2 คดี คือ ที่ สน.ประเวศ และ สน.สำราญราษฎร์ นอกจากนี้ยังเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ (191) จับกุมในคดีต้มตุ๋นและฉ้อโกงเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมาอีกด้วย โดยพฤติกรรมจะเป็นเรื่องกรณีหลอกลวงเกี่ยวกับการรับซื้อของเก่า ตอนนี้จึงมุ่งไปที่ปมขัดแย้งทางธุรกิจ
พล.ต.ต.สุธีร์กล่าวอีกว่า ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเงินปลอมที่อยู่ในซองสีน้ำตาลว่านำไปใช้ทำอะไร พร้อมกับตรวจหาคนที่ชื่อ “อ้วน” ซึ่งปรากฏชื่อบนซองสีน้ำตาลว่าเป็นใคร เกี่ยวข้องกับผู้ตายหรือไม่ พร้อมกันนี้จะได้ตรวจสอบหารอยยางที่รถผู้ตายบดมาว่าเกิดขึ้นตรงจุดไหน ขณะนี้ทราบเพียงว่าผู้ตายขับรถลงมาจากทางด่วนโทลล์เวย์ แต่ยังไม่ทราบว่าขึ้นมาจากจุดใด ส่วนกระสุนที่สังหารผู้ตายพบว่า เป็นกระสุนขนาด .32 เพราะบาดแผลมีขนาดเล็ก แต่ขณะนี้ยังไม่พบปลอกกระสุนในจุดเกิดเหตุ จึงเตรียมประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานนำเครื่องมาตรวจหาเศษเหล็กในจุดเกิดเหตุ สำหรับจำนวนของคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบและยังประเมินไม่ได้
พล.ต.ต.สุธีร์ กล่าวต่ออีกว่า หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.ดวงจิต แก่นจันทร์ แฟนสาวผู้ตายมาสอบปากคำ เบื้องต้นได้ให้การว่า ผู้ตายออกจากบ้านไปหาเพื่อนเพื่อคุยเรื่องพระเครื่อง ตอน 18.00 น.วานนี้ (4 พ.ย.) ก่อนจะติดต่อไม่ได้ ทั้งนี้ผู้ตายไม่ได้เป็นเซียนพระ แต่ผันตัวเองมาอยู่วงการพระเครื่องเพราะชื่นชอบ ปกติจะทำงานเก็บและรับซื้อของเก่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับใคร เพียงแต่อาจจะเสียงดังบ้างเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว