เอเอฟพี - ชาวไซปรัสผู้โกรธแค้นหลายร้อยคนชุมนุมประท้วงด้านนอกอาคารรัฐสภาช่วงบ่ายวันจันทร์ (18) เพื่อต่อต้านแผนเก็บภาษีเงินฝากภายใต้เงื่อนไขกู้ยืมเงินของอียู ขณะที่รัฐมนตรีคลังยูโรโซนหารือทางไกลด่วนเพื่อทบทวนข้อตกลงดังกล่าว โดยธนาคารทุกแห่งบนไซปรัสจะปิดทำการยาวเหยียดอย่างน้อยจนถึงวันพฤหัสบดี (21) เฝ้ารอผลสรุปของการพูดคุย ท่ามกลางกระแสความตื่นตระหนกของประชาชนที่แห่ถอนเงินจำนวนมาก
“เราไม่ใช่หนูทดลองของพวกคุณ” ผู้ประท้วงชูป้ายข้อความเป็นภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันยังพบเห็นป้ายข้อความบางส่วนเขียนคำเตือนประเทศสมาชิกอียูอื่นๆ ที่กำลังประสบวิกฤตทางการเงิน อย่างเช่นสเปน และอิตาลี ว่าอาจเป็นชาติต่อไปที่ต้องเจอมาตรการอันแสนเจ็บปวดแบบพวกเขา
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16) ไซปรัสและเจ้าหนี้ระหว่างประเทศอันประกอบด้วยสหภาพยุโรป (อียู), ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ตกลงกันได้ที่จะให้เงินกู้ 10,000 ล้านยูโร (13,000 ล้านดอลลาร์) แก่ไซปรัส เพื่อช่วยให้ไม่ต้องตกอยู่ในภาวะล้มละลาย โดยมีเงื่อนไขว่า ประเทศเกาะขนาดเล็กแห่งนี้ต้องเรียกเก็บภาษีเงินฝากทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้หากเป็นเงินฝากต่ำกว่า 100,000 ยูโรจะถูกเรียกเก็บภาษี 6.75% และ 9.9% สำหรับเงินฝาก 100,000 ยูโรขึ้นไป
แม้ข้อเสนอดังกล่าวยังต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาไซปรัส แต่มันก่อคลื่นความช็อคและความโกรธกริ้วต่อประชาชนชาวไซปรัสและต่างชาติโดยเฉพาะรัสเซียที่มีเงินฝากจำนวนมากอยู่ในประเทศนี้ รวมถึงจุดชนวนความวิตกกังวลในตลาดการเงินทั่วโลก
วาระการพิจารณารับรองข้อตกลงกู้เงินนี้ของรัฐสภา เดิมทีจะมีขึ้นในตอนบ่ายวันจันทร์ (18) แต่ต้องถูกเลื่อนไปเป็นตอน 18.00 น.วันอังคาร (ตรงกับ 23.00 น.วันอังคาร เวลาเมืองไทย) ขณะที่พวกรัฐมนตรีของชาติยูโรโซนเล็กๆ รายนี้ พยายามเจรจาต่อรองเพื่อขอให้เจ้าหนี้ผ่อนปรนเงื่อนไข ซึ่งกำลังก่อกระแสความหวาดวิตกไปทั่วยูโรโซน ฉุดหุ้นทั่วโลกตก และเงินยูโรอ่อนยวบ
มีรายงานว่า พวกรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบหลายๆ คนของไซปรัสกำลังพยายามวิ่งวุ่นต่อรอง เพื่อให้เงินฝากธนาคารที่ไม่เกิน 100,000 ยูโร ไม่ถูกเก็บภาษี แต่ส่วนที่เกิน 100,000 ยูโร จะถูกเก็บสูงขึ้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดทอนผลกระทบที่จะมีต่อผู้ฝากเงินรายย่อย
แต่มันก็ไม่สามารถสยบความโกรธกริ้วของสาธารณชน โดยประชาชนเริ่มเดินขบวนรอบนอกอาคารรัฐสภาในช่วงบ่ายวันจันทร์ (18) จากนั้นจำนวนก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยคน ขณะที่ตำรวจตั้งแถวอารักขาอาคารอย่างหนาแน่น
กลุ่มผู้ประท้วงจากพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายตะโกนว่า “ตื่นเถิดทุกคน พวกเขากำลังสูบเลือดเรา” ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนกล่าวหาอดีตประธานาธิบดีเดมิทริส คริสโตฟีอัส เป็นตัวถ่วงและล้มเหลวสำหรับดำเนินการใดๆ ทั้งที่ไซปรัสเฉียดใกล้เข้าสู่ภาวะล้มละลายเข้าไปทุกทีในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งอยู่ ก่อนจะลาเก้าอี้ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผู้ประท้วงบางส่วนก็กล่าวโทษประธานาธิบดีนิคอส อนาสตาเซียเดส ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา ต่อกรณีด่วนยอมรับข้อเรียกร้องจากทรอยกา หรือภาคีเจ้าหนี้ 3 ฝ่าย ได้แก่สหภาพยุโรป ธนาคารกลางยุโรปและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เร็วเกินไป
“ปัญหาคือมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แค่มันเกี่ยวกับแนวทางที่พวกเขาปฏิบัติต่อเรา” เดสโป โปรตาปาปา สื่อมวลชนรายหนึ่งบอก “พวกเขาย่องมาตอนมืด แล้วเอาบัญชีธนาคารของเราไป เราเคยไว้ใจว่าอียูคือประชาคมที่ดี แต่สุดท้ายพวกเขาก็แบล็กเมล์เรา”
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าพบเห็นประชาชนอีกราว 100 คน ชุมนุมกันหน้าสถานทูตเยอรมนีประจำกรุงนิโคเซีย โดยหนึ่งในนั้นได้ปีนกำแพงรั้วของสถานทูต และดึงธงชาติเยอรมนีลงมา ทั้งนี้ชาวไซปรัสหลายคน กล่าวโทษเยอรมนี ว่าเป็นผู้นำสำหรับการกำหนดเงื่อนไขอันแสนทุกข์ทรมานเพื่อแลกกับเงินช่วยเหลือ
อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางไซปรัสได้ยืนยันว่าธนาคารทุกแห่งบนเกาะแห่งนี้จะยังคงปิดทำการไปอย่างน้อยจนถึงวันพฤหัสบดี (21) เพิ่มเติมจากเดิมจากวันหยุดราชการในวันจันทร์ (18) ขณะที่เหล่านักการเมืองกำลังหารือกับบรรดาเจ้าหนี้ เพื่อทบทวนเงื่อนไขเงินช่วยเหลือ อันเขย่าตลาดทุนโลกและเรียกเสียงขุ่นเคืองจากรัสเซีย อีกหนึ่งเจ้าหนี้หลักของไซปรัส
ทั้งนี้ มีรายงานว่า รัฐมนตรคลังยูโรโซนได้นัดถกทางไกลฉุกเฉินในค่ำคืนวันจันทร์ (18) เพื่อทบทวนเงื่อนไขในข้อตกลงกู้ยืมเงิน “เราต้องการลดผลกระทบที่มีต่อผู้ฝากเงินรายย่อยจริงๆ แต่เป้าหมายยังคงวัตถุประสงค์เดิม นั่นคือเพิ่มรายได้แก่รัฐ 5,800 ล้านยูโร” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอก
ก่อนหน้านี้รายงานว่า ประชาชนมากมายพากันไปถอนเงินสดตั้งแต่วันเสาร์ (16) ซึ่งเป็นวันแรกของวันหยุดสุดสัปดาห์พิเศษ 3 วัน และบริการโอนเงินออนไลน์ถูกระงับ อย่างไรก็ดี ลูกค้ายังสามารถใช้บัตรเครดิตในซูเปอร์มาร์เกต และสถานีบริการน้ำมันได้
อนึ่ง เหล่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนออกถ้อยแถลงตามหลังการหารือฉุกเฉินทางไกลในวันจันทร์ (18) ว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปเสนอให้ไซปรัสงดเรียกเก็บภาษีจากผู้ถือบัญชีเงินฝากรายย่อย หลังเกิดข้อกังวลจากหลายฝ่ายและก่อความโกรธแค้นแก่ประชาชนชาวไซปรัส
ถ้อยแถลงระบุคำกล่าวของนายเยอเริน เดย์เซลบลูม ประธานกลุ่มยูโรโซน ระบุว่า “เหล่ารัฐมนตรีคลัง มองว่าผู้ผากเงินรายเล็กๆ ควรได้รับการปฏิบัติแตกต่างจากเจ้าของบัญชีเงินฝากรายใหญ่ และยืนยันถึงการให้ความสำคัญกับผู้มีบัญชีเงินฝากต่ำกว่า 100,000 ยูโร”