xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง “ธาริต เพ็งดิษฐ์” บิ๊กดีเอสไอ สั่งย้ายไม่เป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ
อดีต ผบ.สำนักคดีทรัพย์สิน ดีเอสไอ ฟ้อง “ธาริต เพ็งดิษฐ์” กับ “ชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ” รองปลัดยุติธรรม สั่งเด้งไม่เป็นธรรม ขัดต่อกฎหมาย เตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายอีก 10 ล้านบาท

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (16 ต.ค.) พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ อดีต ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ และนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ป.อาญา มาตรา 157

โดยโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 30 มี.ค.-8 ต.ค. 2555 จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ ยธ.0801/2555 เสนอย้ายโจทก์ ขณะที่โจทก์เป็น ผบ.สำนักคดีทรัพย์สินฯ ให้ไปดำรงตำแหน่งที่ต่ำกว่าเดิม คือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ซึ่งนายธาริต จำเลยที่ 1 ต้องเสนอความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังคณะกรรมการพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (กพศ.) เพื่อพิจารณา อีกทั้งต้องได้รับความยินยอมจากตัวโจทก์ก่อน แต่นายธาริต จำเลยที่ 1 กลับเสนอต่อปลัดกระทรวงยุติธรรม ผ่านนายชาญเชาวน์ จำเลยที่ 2 ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 จะต้องทำตามขั้นตอนก่อน แต่ก็ยังจงใจออกคำสั่งกระทรวงยุติธรรมย้ายโจทก์ตามที่นายธาริต จำเลยที่ 1 เสนอ โดยอ้างว่าโจทก์ทำผิดวินัย ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีอาญา ถูกแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งเหตุผลดังกล่าวไม่ใช่เหตุที่จะย้ายโจทก์ได้

นอกจากนี้ โจทก์ซึ่งรับผิดชอบคดี “แชร์ลอตเตอรี่” มีมูลค่าความเสียหายนับพันล้านบาท และคดีแชร์ลูกโซ่อื่นๆ ซึ่งเป็นคดีที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของชาติ เป็นคดีที่เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่มีความเป็นอิสระในการดำเนินคดี ดังนั้น การจะย้ายโจทก์ก็ต้องได้รับการคุ้มครอง ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งโดยอิทธิพลทางใดทางหนึ่ง ดังเช่นกรณีย้ายโจทก์

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2555 โจทก์ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ “คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม” ของสำนักงาน ก.พ. ถนนพิษณุโลก และได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2553 ว่า คำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 188/2555 ลงวันที่ 20 เม.ย. 2555 ซึ่งสั่งย้ายโจทก์นั้น เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้คืนตำแหน่งเดิมให้แก่โจทก์ มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. 2555 และให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน

ส่งผลให้เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2555 ปลัดกระทรวงยุติธรรมจึงได้มีคำสั่งที่ 380/2555 เรื่องยกเลิกคำสั่งย้ายดังกล่าวเฉพาะราย และให้โจทก์กลับไปดำรงตำแหน่งเดิม แต่อย่างไรก็ตามโจทก์ได้ขอลาออกจากราชการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2555 จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามกฎหมาย

ซึ่งศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาเป็นคดีดำที่ อ.3873/2555 พร้อมนัดไกล่เกลี่ยเบื้องต้นในวันที่ 19 ต.ค.นี้

ภายหลังนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความโจทก์ กล่าวว่า นอกจากฟ้องคดีอาญาแล้ว โจทก์ยังเตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของจำเลยอีก จำนวน 10 ล้านบาท ส่วนจะสามารถเจรจาไกล่เกลี่ยตามที่ศาลแนะนำได้หรือไม่นั้นก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีข้าราชการดีเอสไอหลายรายที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมเตรียมยื่นฟ้องอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น