ศาลอาญาตัดสินประหารชีวิตอดีตดาบตำรวจฝ่ายสืบสวน ส.น.สามเสน ครอบครองและจำหน่ายยาบ้า หลังถูก ตร.บช.ปส.และ ตร.ทางหลวงร่วมกันจับกุมขณะตั้งด่านตรวจค้นที่บ้านลาด จ.เพชรบุรี เมื่อต้นปี 54
ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (15 ส.ค.) ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อย.1972/2554 ที่อัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง ด.ต.ไพโรจน์ วงศรีแก้ว อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.สามเสน เป็นจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ปลอมและใช้เอกสาราชการปลอม
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2554 เวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บช.ปส.1 ประสานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จ.เพชรบุรี ตั้งด่านที่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี และได้ตรวจค้นรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน ภษ 8140 กรุงเทพมหานคร ที่จำเลยขับมาเพื่อนำยาเสพติดไปส่งที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยพบยาบ้าจำนวน 120,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ที่เบาะนั่งด้านหลังที่ถูกดัดแปลงให้มีช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด จำเลยอ้างว่ามีผู้ว่าจ้างจำนวน 200,000 บาท ให้ขับรถไปส่งของที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยไม่ทราบว่ามียาบ้าซุกซ่อนอยู่ และไม่ทราบว่าเป็นรถที่ใช้เป็นทะเบียนปลอม
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์มีตำรวจ 2 นาย เป็นผู้จับกุม เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บช.ปส.1 ได้รับแจ้งจากสายสืบว่าจะมีการดัดแปลงรถรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เพื่อซุกซ่อนยาบ้า ขนส่งไปที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในช่วงเวลาดังกล่าวตลอดพบรถเก๋งดังกล่าวจอดอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยบางกรวย-ไทรน้อย 15/1 กระทั่งพบจำเลยเป็นผู้ขับรถต้องสงสัยจึงขับรถติดตาม และแจ้งตำรวจทางหลวง จ.เพชรบุรี ตั้งด่านตรวจค้นและจับกุมได้พร้อมของกลาง
ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่าไม่ทราบว่ามียาเสพติดอยู่ในรถ แต่จากคำให้การของจำเลยไว้ ได้รับการว่าจ้างถึง 200,000 บาท เพื่อให้ขับรถนั้น ถือว่าค่าจ้างจำนวนที่สูงมาก ประกอบกับจำเลยเคยรับราชการตำรวจย่อมต้องสงสัยว่าจะต้องมีการขนส่งสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อของกลางยาเสพติดมีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยมียาเสพติดไว้เพื่อจำหน่าย ส่วนความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมนั้น โจทก์ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะลงโทษจำเลย
พิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว และให้ริบของกลาง ส่วนข้อหาอื่นให้ยก