รรท.ผบก.ทล.สั่งการให้สารวัตรทั้ง 41 สถานีใน 8 กองกำกับการ ให้เข้มงวดจับกุมรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน และรถที่มีสติกเกอร์ผิดกฎหมาย พร้อมคาดโทษ ตร.ที่มีส่วนรู้เห็น นอกจากจะถูกโยกย้ายมาช่วยราชการที่ บก.ทล.แล้ว อาจเจอทั้งวินัยและอาญาด้วย
วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) พ.ต.อ.อภิชิต เทียนเพิ่มพูน รรท.ผบก.ทล. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมวางแผนดำเนินงานและการกำชับกวดขันจับกุมตามมาตรการการปราบปรามรถบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัดตามที่กฎหมายกำหนด โดย พ.ต.อ.อภิชิตเปิดเผยในที่ประชุมว่า สืบเนื่องจากวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการรถบรรทุกได้มีการรวมตัวกันที่ด่านชั่งน้ำหนักถาวร จ.ชัยนาท เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว พล.ต.ต.นรบุญ แน่นหนา ผบก.ทล. เพราะมีผู้ประกอบการบางรายเห็นว่าถูกกลั่นแกล้ง จากนั้น ผบก.ทล.จึงได้ทำหนังสือขออนุมัติตัวเองไปช่วยราชการที่ บช.ก.เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผบก.ทล.ได้กำหนดมาตรการด้านการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เข้มงวดกวดขันในการปฏิบัติหน้าที่เอาไว้
พ.ต.อ.อภิชิตกล่าวว่า ในที่ประชุมได้สั่งการให้ สารวัตรทั้ง 41 สถานี ใน 8 กองกำกับการ ให้เข้มงวดในการจับกุมรถบรรทุกที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน และรถบรรทุกที่มีสติ๊กเกอร์ผิดกฎหมายซึ่งมีไว้เพื่อเคลียร์เส้นทาง ซึ่งที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้เดือนละ 100 กว่ารายทุกเดือน ทั้งนี้จะเริ่มมีการกวาดล้างปราบปรามรถบรรทุกผิดกฎหมายโดยให้ทุกหน่วยรายงานกับมาที่ บก.ทล.ทุกสิ้นเดือน โดยเดือนนี้ (มิ.ย.) จะเริ่มเป็นเดือนแรก นอกจากนี้ ผู้กระทำจะถูกส่งดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ซึ่งโทษสูงสุดผู้กระทำอาจจะถูกยึดรถและมีโทษจำคุก 1 เดือน
พ.ต.อ.อภิชิตกล่าวว่า ถ้าเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนรู้เห็นจะพิจารณาลงโทษ โดยให้มาช่วยราชการที่ บก.ทล.เป็นระยะเวลา 30 วัน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย หากมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องจริงจะคาดโทษทั้งทางวินัยและจะส่งดำเนินคดีทางอาญาด้วย ซึ่งบางรายอาจถูกพักราชการหรืออาจทำเรื่องให้ย้ายหน่วยแทน