ศาลเลื่อนพิพากษา “พล.อ.ธีรเดช” อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน เห็นชอบร่างระเบียบขึ้นเงินค่าตอบแทน เบี้ยประชุม 2 หมื่นบาท ไป 25 ก.ค.นี้ เหตุกลับจากต่างประเทศไม่ทัน
ที่ห้องพิจารณา 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (20 ก.ค.) ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.4290/2552 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน, พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา และอดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ โชติมงคล อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือโดยทุจริต และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 86
สืบเนื่องจากกรณี เมื่อระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-30 ก.ย.2547 พวกจำเลยได้จัดทำร่างระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการ และอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคล หรือคณะบุคคล พ.ศ.2547 ที่กำหนดค่าตอบแทนลักษณะเหมาจ่ายเดือนละ 20,000 บาท โดยให้มีผลบังคับย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2547 ซึ่งได้มีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนประจำเดือน ก.ค.-ก.ย.2547 ให้จำเลยที่ 1-3 เดือนละ 20,000 บาท รวม 3 เดือน คนละ 60,000 บาท
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด ทนายความของจำเลยที่ 2-3 ร่วมแถลงต่อศาล ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน โดยระบุว่า เดิมจำเลยที่ 2 มีกำหนดจะเดินทางกลับประเทศไทยจากการเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรภูฏาน แต่ภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดเดินทางจากวันที่ 15 ก.ค. เป็นวันที่ 16 ก.ค. โดยในวันที่ 19 ก.ค.เวลา 19.00 น.จำเลยที่ 2 มีนัดหมายที่จัดเลี้ยงกลุ่ม ส.ส.ราชอาณาจักรภูฏาน ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตั๋วเดินทางกลับได้ จำเลยที่ 2 จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาได้ โดยจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของจำเลยที่ 2 ได้ติดต่อประสานแล้ว จำเลยที่ 2 แจ้งว่าสะดวกที่จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ก.ค.นี้ จึงขออนุญาตให้ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษาเป็นครั้งสุดท้าย โดยจะไม่ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาอีก ส่วนที่จำเลยที่ 2-3 มีกำหนดจะต้องเดินทางไปสาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ 23-31 ก.ค.นั้น หากศาลอนุญาตให้เลื่อนฟังคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 25 ก.ค.แล้ว จำเลยทั้งสองก็ไม่ประสงค์ที่จะเดินทางไปสาธารณรัฐเปรู
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อขัดข้องของจำเลยที่ 2 มีเหตุผลพอสมควร จึงอนุญาตให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาอีกเป็นครั้งที่ 3 โดยนัดอีกครั้งในวันที่ 25 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับให้คู่ความเดินทางมาศาลตามนัด หากไม่มาศาลจะดำเนินการตามสมควรต่อไป