“อภิสิทธิ์” ไม่กังวล รมว.กลาโหม กล่าวหาหนีเกณฑ์ทหาร ยันมีหลักฐานเอกสารชัด ชี้ “สุกำพล” ถูกกำหนดมาให้พูดเพื่อช่วย “จตุพร” พ้นคดีหมิ่นประมาท บอกขอดูคำสัมภาษณ์หากพบละเมิดสิทธิเจอฟ้องอีกคนแน่ ส่วน “โภคิน” เสนอแก้ ม.309 เป็นการเปิดธาตุแท้ที่ทำมาทุกอย่างเพื่อช่วย “นช.แม้ว” หลุดทุกคดี ตามที่สังคมตั้งข้อสังเกตไว้ ค้านใช้ รธน.ปี 17 เป็นต้นแบบ เหตุไร้การตรวจสอบ ถ่วงดุลรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่กล่าวหาหนีการเกณฑ์ทหารว่า เห็นได้ชัดว่า พล.อ.อ.สุกำพลถูกกำหนดให้ออกมาพูดเรื่องนี้ โดยตนยืนยันทุกอย่างตามเอกสารที่เคยชี้แจงในสภาแล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรเพิ่มเติม และไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะเรื่องอยู่ในศาลแล้วและช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการสืบพยาน โดยมีการซักค้านอย่างชัดเจนแล้ว การออกมาพูดของ รมว.กลาโหม คงเพราะถูกกำหนดมาให้พูด เพราะขณะนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ยังตกเป็นจำเลยอีก 4 คดี เลยมีควาพยายามทำเรื่องนี้กัน เพราะเรื่องที่อ้างว่าส่งไปถึงระทรวงกลาโหม และผู้ตรวจการแผ่นดิน เกิดขึ้นหลังจากที่ตนฟ้องนายจตุพรแล้ว และบางกรณีเช่นก่อนหน้านี้ส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกระทรวงกลาโหมก็เคยมีการชี้แจงไปแล้วก็ไม่พบอะไร
ส่วนจะฟ้องร้อง พล.อ.อ.สุกำพลหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้เห็นในรายละเอียดว่ามีการกล่าวหาอะไรบ้าง แต่หากมีการละเมิดสิทธิ์ตนก็จะใช้สิทธิทางกฎหมาย โดยทางรัฐจะมีการใช้อำนาจไปรองรับคดีนี้ไม่ได้ ส่วนเอกสารทางฝ่ายที่กล่าวหาเองก็มีการยอมรับว่า บางส่วนไม่อยู่แล้วเพราะเวลาผ่านมา 20 กว่าปี แต่จะนำมาเป็นข้ออ้างไม่ได้ ทุกอย่างต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าการออกมาระบุเช่นนั้นของ รมว.กลาโหมถือว่าถูกต้องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าว่า เขาก็อ้างว่าเป็นการชี้แจงกับผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่ตนต้องการลำดับเหตุการณ์ให้เห็นว่าทั้งหมดที่ทำมานี้เป็นการรองรับหลังจากที่ตนทำการฟ้องนายจตุพรไปแล้ว ศาลไต่สวนและรับฟ้อง และช่วงนี้เป็นนัดการสืบพยานต่อเนื่องจนจบก่อนสิ้นเดือนนี้ คาดว่าจะมีการนัดอ่านคำพิพากษาปลายปีนี้
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา ระบุว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ว่าเป็นการยืนยันในสิ่งที่ตนและหลายฝ่ายพูดมาโดยตลอดว่า ที่พยามแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับก็เพื่อเป้าหมายคือการมีผลต่อคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เท่ากับเป็นการยอมรับสารภาพว่านี่คือเป้าหมายที่แท้จริง ฉะนั้นก็ช่วยกันต้องติดตามดูต่อไปว่าประเด็นที่จะแก้ไขเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริง ทางรัฐบาลก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แม้ที่ผ่านมาพรรคไม่เห็นด้วยหากจะมีการแก้ไขมาตรา 309 หากมีเป้าหมายคือเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้หลุดจากคดีต่างๆ แต่ถ้าเป็นการแก้ไขในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนจริงๆ เราก็ยินดีร่วมพิจารณา
ส่วนที่ นายอุกฤษ มงคลนาวิน อดีตประธานรัฐสภา เสนอให้ใช้รัฐธรรมนูญปี 17 เป็นต้นแบบนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้ไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่สมบูรณ์ ส่วนรัฐธรรมนูญปี 17 ในช่วงสมัยนั้นถือว่าก้าวหน้ามาก เพราะก่อนหน้านั้นเราไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ แต่เมื่อมีการใช้ไปก็เริ่มมองเห็นว่าควรจะมีการคานอำนาจการใช้อำนาจของนักการเมือง จึงเป็นที่มาของรัฐธรรมนูญปี 40 โดยมีการเปลี่ยนแปลงหลักการสำคัญๆ เช่น เพิ่มสิทธิเสรีภาพ การตรวจสอบถ่วงดุล และรัฐธรรมนูญปี 50 ก็สืบทอดแนวคิดนี้มา
“หากจะมีการย้อนกลับไปใช้แนวทางรัฐธรรมนูญปี 2517 ก็เท่ากับปฏิเสธหลักการการตรวจสอบ ถ่วงดุล ซึ่งหมายถึงองค์กรอิสระต่างๆ ก็จะไม่มีเลย ศาลจะไม่มีอำนาจหน้าที่มาตรวจสอบกรณีนักการเมืองใช้อำนาจในทางที่ผิด รวมถึงสิทธิชุมชนต่างๆ และไม่ควรมานั่งถกเถียงว่าควรเอารัฐธรรมนูญฉบับไหน แต่ควรจะดูว่าระบบที่เราต้องการอยากจะปรับปรุงอยู่ตรงไหน แล้วมาเสนอประเด็นให้สังคมช่วยพิจารณามากกว่า”
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในวันนี้ตนจะไปชี้แจงกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามข้อกล่าวหาของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. กรณีการบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วม แต่ตนไม่กังวลอะไรเพราะมีหลักฐานครบ และการดำเนินการทั้งหมดมีความโปร่งใสตั้งแต่ต้น โดยมีการทำหนังสือแจ้งไปยัง กกต.ด้วยว่าพรรคดำเนินการอะไรบ้าง และทุกอย่างไม่มีอะไรที่ผิดกฏหมาย
ส่วนที่นายเรืองไกรอ้างว่ามีการเอาเงินไปพักค้างในบัญชีของพรรค 1 เดือนนั้น ยืนยันไม่ใช่บัญชีของพรรค แต่เป็นบัญชีเพื่อเอาไว้พักเงินที่จะส่งบริจาคต่อไปโดยมีการส่งทอดไปทั้งบัญชี และการพักเงินในบัญชีดังกล่าวไม่ถือเป็นประเด็นสำคัญเพราะไม่ได้มีการนำไปใช้ประโยชน์อะไร และมีหลายองค์กรที่มาช่วยเหลือในการนำไปใช้ประโยชน์