พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพูนทรัพย์ ปิยะอนันต์ อดีตผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา และนายปราโมทย์ โชติมงคล ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2547 นายพูนทรัพย์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.ธีรเดช ขณะดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาว่า ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคล หรือคณะบุคคล พ.ศ.2547 เบิกจ่ายค่าตอบแทนย้อนหลังคนละ 20,000 บาทต่อเดือน รวม 3 เดือน ทั้งที่การออกระเบียบค่าตอบแทน ต้องออกเป็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องผ่านคณะรัฐมนตรีและสภาฯ เพื่อออกเป็นกฎหมาย
วันนี้ จำเลยที่ 1 และ 3 เดินทางมาศาล ส่วน พล.อ.ธีรเดช จำเลยที่ 2 ทนายความยื่นเอกสารขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากติดภารกิจราชการที่ประเทศภูฎาน โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็น วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น.และกำชับให้จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามที่กำหนด เนื่องจากมีเหตุให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาเพราะติดสมัยประชุมสภาฯ มาเป็นเวลานานแล้ว ประกอบกับองค์คณะผู้พิพากษา ได้ประชุมและทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2547 นายพูนทรัพย์ ขณะดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.ธีรเดช ขณะดำรงตำแหน่งประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายปราโมทย์ ขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกันพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างระเบียบผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาว่า ด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการและอนุกรรมการ และค่าตอบแทนบุคคล หรือคณะบุคคล พ.ศ.2547 เบิกจ่ายค่าตอบแทนย้อนหลังคนละ 20,000 บาทต่อเดือน รวม 3 เดือน ทั้งที่การออกระเบียบค่าตอบแทน ต้องออกเป็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ โดยต้องผ่านคณะรัฐมนตรีและสภาฯ เพื่อออกเป็นกฎหมาย
วันนี้ จำเลยที่ 1 และ 3 เดินทางมาศาล ส่วน พล.อ.ธีรเดช จำเลยที่ 2 ทนายความยื่นเอกสารขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากติดภารกิจราชการที่ประเทศภูฎาน โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็น วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น.และกำชับให้จำเลยเดินทางมาฟังคำพิพากษาตามที่กำหนด เนื่องจากมีเหตุให้เลื่อนอ่านคำพิพากษาเพราะติดสมัยประชุมสภาฯ มาเป็นเวลานานแล้ว ประกอบกับองค์คณะผู้พิพากษา ได้ประชุมและทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมา
