“เทพเทือก” เบิกความเป็นพยาน “มาร์ค” ฟ้องหมิ่น “จตุพร” ยันไม่เคยสั่งฆ่าประชาชน ยันสลายการชุมนุมเพื่อผลักดันคนเสื้อแดงขึ้นรถกลับบ้าน ระบุชัดเหตุปะทะมีการใช้อาวุธสงคราม เจ้าหน้าที่ตาย 9 ศพ
ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (11 ก.ค.) เวลา 09.00 น. ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีหมายเลขดำ อ.1008/2553 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 332 กรณีเมื่อวันที่ 29 ม.ค. - 15 ก.พ. 2553 นายจตุพร จำเลย ได้ปราศรัยต่อกลุ่มคนเสื้อแดงและประชาชนที่รับชมผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องพีเพิล แชนแนล ใส่ความว่าโจทก์เป็นนายกรัฐมนตรีที่สั่งฆ่าประชาชน และหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร
โดยวันนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีต ผอ.ศอฉ. เดินทางเบิกความ สรุปว่า ตั้งแต่ที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงพยายามปิดทางเข้า-ออกรัฐสภา รวมถึงวันที่รัฐบาลต้องแถลงนโยบายหลังจากได้รับการโปรดเกล้าฯ แล้ว แกนนำ นปช.รวมถึงจำเลยได้ปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ปิดล้อมและขัดขวางการทำงานของนายอภิสิทธิ์ ทำให้ต้องไปแถลงนโยบายที่กระทรวงการต่างประเทศแทน และยังมีการปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดงขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552 ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกภาพ-เสียงคำปราศรัยบนเวที โดยโจทก์ไม่ใช่ผู้สั่งฆ่าประชาชนตามที่แกนนำ นปช.ปราศรัยอ้างว่ามีคลิปเสียง ที่สุดท้ายได้มีการตรวจสอบแล้วพบว่ามีการตัดต่อ อีกทั้งที่ผ่านมาไม่มีการสั่งการให้ทำการรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพียงแต่ให้เจ้าหน้าที่ผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกันแล้วจัดรถให้เดินทางกลับบ้านเท่านั้น
ขณะที่ นายสุเทพ ตอบการซักค้านของทนายความจำเลย ระบุว่า การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ และประชาชนในเหตุการณ์การชุมนุม สาเหตุเกิดจากการสั่งการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบริวารรวมทั้งจำเลยคดีนี้ด้วย เพราะเมื่อมีการใช้อาวุธสงครามของกลุ่มเสื้อแดงจึงได้เกิดเหตุความวุ่นวาย ซึ่งการเสียชีวิต 89 ศพ นอกจากคนเสื้อแดงแล้วยังมีเจ้าหน้าที่รวมอยู่ด้วยถึง 9 ราย และมีความชัดเจนว่าเป็นการกระทำของกำลังพลเสื้อแดง
ทั้งนี้ ทนายความจำเลยยังได้พยายามซักถามนายสุเทพโดยอ้างถึงบทสัมภาษณ์ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ.ในหนังสือพิมพ์ระบุว่า ภารกิจในควบคุมการชุมนุมเมื่อปี 2553 ไม่ใช่ภารกิจหลักของทหาร แต่เป็นภารกิจของ ศอฉ.ที่ทหารจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายสุเทพที่เป็น ผอ.ศอฉ. ซึ่งนายสุเทพได้นำข้อความที่อ้างว่า พ.อ.สรรเสริญ ส่งข้อความเข้ามือถือในสุเทพ วันที่ 11 พ.ย. 2554 ชี้แจงกรณีที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงข่าวดังกล่าว ตอบการซักถามทนายความจำเลยว่า พ.อ.สรรเสริญ ส่งข้อความมาบอกพยานว่า พ.อ.สรรเสริญไม่เคยสารภาพว่าเจ้าหน้าที่ยิงทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ หรือกระทำผิดกฎหมายตามที่เป็นข่าว โดยมีหนังสือพิมพ์โทรศัพท์ไปถาม พ.อ.สรรเสริญ ดังนั้นน่าจะแสดงให้เห็นว่า พ.อ.สรรเสริญปฏิเสธต่อข่าวที่มีการนำเสนอในหนังสือพิมพ์ดังกล่าว
ภายหลังการเบิกความ นายสุเทพกล่าวว่า วันนี้เดินทางมาเป็นพยานให้กับนายอภิสิทธิ์ ซึ่งทั้งตนและนายอภิสิทธิ์ ถูกนายจตุพรกล่าวหาว่าร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางแผนใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง โดยตนเบิกความว่าทั้งหมดที่นายจตุพรกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง บิดเบือนประเด็น ซึ่งปี 2552 ในยุคที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้พยายามแก้ไขปัญหาการชุมนุมอย่างเต็มที่ และสั่งให้เจ้าหน้าที่ไม่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ดังนั้นที่นายจตุพรพูดจึงเป็นการกล่าวหาเท็จ
ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร จำเลย กล่าวว่า ประเด็นที่นายสุเทพเบิกความนั้น ยอมรับว่าเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับฝั่งคนเสื้อแดง ซึ่งยังไม่มีข้อยุติที่ยังต้องต่อสู้กันด้วยข้อเท็จจริง ส่วนนายจตุพรที่จะต้องมาเบิกความเป็นพยานจำเลยนั้นยังไม่ได้กำหนดวันว่าจะเดินทางมาขึ้นศาลเมื่อใด เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารราชการที่จะใช้สู้คดีที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ โดยฝ่ายจำเลยได้เตรียมพยานบุคคลที่จะเบิกความประมาณ 10-15 ปาก