เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 ได้เห็นสภาพความสูญเสียในชายแดนใต้แล้วรู้สึกหดหู่บอกไม่ถูกเพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะบอกว่าชินชาจนเฉยเมยมันก็ไม่ได้ เพราะพี่น้องของเรา คนที่เรารู้จักกำลังเผชิญกับความทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัส จนบางครั้งต้องหลับตาเมินหน้าหนี แต่เมื่อตั้งสติได้มันก็ต้องรับรู้ ร่วมกันหาทางออก เพื่อต่อสู้เอาชนะปัญหาเดิมๆออกไปให้จงได้แม้ว่าจะยากแสนลำบากปานใด
00 รับรู้กันอยู่แล้วว่าปัญหาชายแดนใต้มันซับซ้อนละเอียดอ่อนยิ่งกว่าการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ในยุค 66/23 หลายเท่านัก เพราะมันไม่ใช่แค่ปัญหาประชาธิปไตย ความยุติธรรมการกดขี่ในมุมเดียว แต่มันเชื่อมโยงกับเรื่องวัฒนธรรม ความเชื่อ ความคับแค้นทางประวัติศาสตร์ที่เมื่อมี “เงื่อนไข” เกิดขึ้นมาคราวใดก็จะมีการ “ปลุก” ขึ้นมาขยายผลได้ทุกครั้ง ขณะเดียวกันเมื่อมีปัญหาใหม่ที่ขยายวงพัฒนาการเข้ามาผสมโรง เช่น ของเถื่อน ยาเสพติดมันก็ยิ่งไปกันใหม่ แต่ถ้าถามว่า “มีทางแก้” หรือไม่ ก็ต้องตอบแบบชัดถ้อยชัดคำว่า “มี” โดยใช้ยุทธศาสตร์พระราชทานคือ “เข้าใจ-เข้าถึง-พัฒนา” นั่นแหละ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาทุกหน่วยงาน ผู้บังคับบัญชาทุกคน “ท่องได้” หมด แต่ในทางปฏิบัติมัน “ตรงกันข้าม” เพราะแม้แต่หน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง “ยังไม่เข้าใจ-ระแวง” กันเลยแล้วนับประสาอะไรจะไปแก้ปัญหาที่มันละเอียดอ่อน เป็นงานยาก
00 ฟันธงได้เลยว่าปัญหาชายแดนใต้มันยากยิ่งกว่าการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ร้อยเท่า เพราะมันคนละเรื่อง อย่างเรื่องอื่นที่สามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ แต่รับรองว่านำมาแก้ปัญหาที่นั่นไม่ได้เลย และที่สำคัญต้องใช้เวลาสร้าง “ความเข้าใจ” สร้างความไว้ใจในพื้นที่ “นานมาก” ต้องมีความต่อเนื่อง แต่บางครั้งบางคนเมื่อลงมา “บัญชาการ” แก้ปัญหานานพอสมควรแต่ยังไม่เห็นแนวโน้มดีขึ้นมันก็สมควรเปลี่ยนตัวได้แล้ว อย่างเช่น ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่าอยู่ในตำแหน่งระดับบัญชาการมานานหลายปี รวมทั้งมีคนที่ไว้ใจได้อย่าง แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ คุมพื้นที่มานานหลายปี รู้ทั้งรู้ว่า “ตั้งใจดี” แต่เมื่อสถานการณ์ย่ำอยู่กับที่ จะอ้างสถิติจำนวนการก่อเหตุน้อยลงอย่างเดียวไม่ได้ เพราะแม้ว่าเกิดเพียงแค่ครั้งเดียวอย่างเมื่อวันก่อนที่หาดใหญ่และกลางเมืองยะลาแบบนี้มันป่่นปี้มากกว่าการเผายางรถยนต์ เผาตู้โทรศัพท์หลายพันเท่า
00 ขณะเดียวกันเมื่อหันมาดูเรื่องการแก้ปัญหาในมุมอื่น เช่น การแก้ปัญหาในเชิงการเมือง การสร้างความเข้าใจอย่างหน่วยงานหลัก คือ ศอ.บต. ก็ทำเหมือนเล่นขายของ มองปัญหาง่ายๆ เล่นพรรคเล่นพวกมาก่อนเหมือนกับกรณีอื่นๆที่เอาเด็กในบ้านเข้ามา “ทำงานใหญ่” ถ้าถามว่าคนอย่าง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มีความสามารถหรือไม่ก็ต้องตอบแบบไม่ลังเลว่าใช้ได้ แต่จู่ๆจะให้มาดูแล ศอ.บต.ทั้งที่ไม่เคยคลุกคลีกับพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องผลก็เป็นอย่างที่เห็น อย่าว่าจะไปสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านเลย แค่หน่วยงานรัฐด้วยกันเวลานี้ “ยังไม่เข้าใจ” กันเลย เพราะเหมือนกับแยกกันทำงาน แยกกันรายงาน อีกสิบชาติก็แก้ไม่ได้ ยิ่งสถานการณ์พัฒนาไปเชื่อมโยงกับมหาอำนาจภายนอก มันก็ยิ่งยุ่งยากซับซ้อน
00 บางครั้งเมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมามันก็ “ตลกไม่ออก” เหมือนกัน อย่างกรณีที่ “นายกฯปูนิ่ม” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศทันทีหลังจากเกิดเหตุระเบิดแบบควันยังไม่ทันจางว่าจะไม่ลงไปในพื้นที่อ้างว่าเกรงจะเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ แต่ผ่านไปสองวัน หลังจากที่ ผู้นำฝ่ายค้าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงไป “แย่งซีน” ถึงเตียงผู้บาดเจ็บ ไปดูพื้นที่แสดงให้เห็นว่า “ไม่กลัวตาย” ไม่มีเจ้าหน้าที่ล้อมหน้าล้อมหลัง มันก็ได้แต้ม ขณะที่เมื่อตัดภาพมาที่ “ผู้นำพริตตี้” ที่ทำหน้าบ๊องแบ๊วไปวันๆ ยิ่งเสียหาย อย่าได้แปลกใจที่ล่าสุดคงได้รับคำแนะนำใหม่แบบแกมบังคับว่า “ต้องกลั้นใจ”ลงไปให้ได้ แม้จะเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก เมื่อเทียบกับการไปเที่ยวต่างประเทศ เช่น เกาหลี อยู่ในห้องแอร์ไม่ต้องเสี่ยง ได้ใส่ชุดสวยโพสต์ท่าถ่ายรูป แต่ถึงอย่างไรต้องบอกว่า แม้จะกลับลำแต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว !!
00 ส่วนวันรุ่งขึ้นก็ต้องบินไปเขมร จับมือกับ ฮุน เซน เพื่อนของพี่ชายหน้าเหลี่ยม ประจวบเหมาะกับเรื่องการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน แต่มันก็เหมือนกับทุกครั้งที่พอน้องสาวไป พี่ชายก็ต้องตามประกบไปทุกที่ต่างกันเพียงแค่ไปก่อนหรือหลังเท่านั้น ซึ่งก็ทุกทีมักมีเรื่องธุรกิจให้สงสัยทุกที คราวนี้ก็ไม่เว้นโดยเฉพาะเรื่องพลังงานในอ่าวไทยที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ตามกำหนดการ นายกฯทักษิณ ชินวัตร เอ๊ย นักโทษชาย ทักษิณ จะนั่ง “เครื่องบินเจ็ต” ส่วนตัวตามไปช่วงสงกรานต์ เพื่อให้ลูกสมุนแดงทั้งแผ่นดินกระเสือกกระสนนั่งรถหัวสั่นหัวคลอนไปรดน้ำดำหัวที่นั่น !!