มฟล.เตรียมยื่นจดหมายเปิดผนึกร้องขอให้รัฐแก้ปัญหาหมอกควันโดยด่วน ชูเป็นปัญหาระหว่างประเทศ
วันนี้ (30 มี.ค.) ณ หอประชุมรับรอง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) รองศาสตราจารย์ ดร.อภิรัตน์ เพ็ชรศิริ คณบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล. พร้อมด้วย ดร.ชูเกียรติ น้อยฉิม รองคณบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ และอาจารย์ประจำสำนักวิชานิติศาสตร์ ร่วมกันหารือพร้อมร่างหนังสือยืนต่อรัฐบาลให้ดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันโดยเร่งด่วนอย่างเป็นระบบ และยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศ และระดับระหว่างประเทศ
รศ.ดร.อภิรัตน์กล่าวว่า นับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงจนปัจจุบันได้เกิดปรากฏการณ์หมอกควันขนาดใหญ่ที่ปกคลุมภาคเหนือของประเทศไทย โดยมีสาเหตุมาจากควันไฟป่าและจากการเผาป่าหรือขยะของประชาชนทั่วไปที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทย จากจุดนี้ทำให้คณาจารย์และเจ้าหน้าที่ของมฟล. ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาดังกล่าวมาร่วมพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ
ในระดับชาตินั้น จากการศึกษาวิจัยของกลุ่มคณาจารย์สำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล. พบว่า สาเหตุที่การแก้ไขปัญหาหมอกควันยังไม่มีเอกภาพ และขาดการวางแผนที่ดีและต่อเนื่องยั่งยืน เหตุเพราะรัฐบาลไทยยังไม่มีการจัดตั้งองค์กรในระดับประเทศขึ้นเพื่อดูแลปัญหานี้โดยเฉพาะ ทั้งที่รัฐบาลไทยได้เคยทำข้อตกลงไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติเมื่อได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกของข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษของหมอกควันข้ามแดน (ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution 2002) ดังนั้นกลุ่มคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ มฟล. ขอให้รัฐบาลดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการจัดตั้งองค์กร หรือหน่วยงานในระดับประเทศขึ้นเพื่อดูแลปัญหานี้โดยเฉพาะ
รศ.ดร.อภิรัตน์กล่าวต่อว่า ในระดับนานาชาตินั้นจากการหารือพบว่า ปัญหากลุ่มหมอกควันไฟมลพิษนี้เป็นกลุ่มหมอกควันไฟข้ามแดน ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันทั้งในประเทศและในเขตของประเทศเพื่อนบ้าน (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า) ที่มีชายแดนติดกัน ดังนั้นการแก้ไขปัญหากลุ่มหมอกควันไฟข้ามแดนนี้ จึงมิอาจบรรลุผลได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือหน่วยงานภายในของประเทศไทยประเทศหนึ่ง กลุ่มคณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ มฟล. จึงขอให้รัฐบาลไทยใช้เวทีในระดับระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหา
“จากการศึกษาวิเคราะห์บริบททางกฎหมายระหว่างประเทศแล้วพบว่า ประเทศไทยและกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ได้ทำการตกลงกันไว้ในอนุสัญญาที่กล่าวมาแล้วในข้อหนึ่งว่าด้วย การให้สมาชิกนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาแก้ไขในระดับภูมิภาคได้ทันทีโดยผ่านทางสำนักเลขาธิการอาเซียน นอกจากนี้จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะจัดขึ้น ณ ประเทศกัมพูชา ในวันที่ 3-4 เมษายน 2555 ในโอกาสนี้จึงขอให้รัฐบาลไทยเสนอตัวเพื่อจัดตั้งศูนย์ประสานงานการควบคุมมลพิษของหมอกควันข้ามแดนแห่งอาเซียน (ASEAN Coordinating Center for Transboundary Haze Pollution Control) ขึ้นและ/หรือเพิ่มขั้นในเขตพื้นที่ที่ประสบปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน เช่น จังหวัดเชียงราย ของประเทศไทย เพื่ออนุวัติการให้เป็นไปตามข้อ 5 และภาคผนวกของข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษของหมอกควันข้ามแดน” คณบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล.กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ การยื่นหนังสืออย่างเป็นทางการนั้นผู้แทนจากกลุ่มคณาจารย์นำโดย รศ.ดร.อภิรัตน์ เพ็ชรศิริ คณบดีสำนักวิชานิติศาสตร์ มฟล.จะนำไปยื่นให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายต่อไป