ผ่าประเด็นร้อน
เรียกได้ว่าคาดไม่ถึงจริงๆ ว่า “พี่กี้ร์” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จะต้องนอนคุก “ด้วยความเท่” หลังจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวออกมา แม้ว่าเข้ามอบตัวมาสู้คดีก่อการร้าย และคดีอุกฉกรรจ์อื่นๆ สารพัด อีกทั้งเชื่อว่าเจ้าตัวเองก็คาดไม่ถึง คงรู้สึกช็อก นอนก่ายหน้าผากว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงเดินเข้ามายิ้มกริ่มเข้ามอบตัวที่ศาลจังหวัดพัทยา ในคดีที่เป็นหัวโจกพวกคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัลคลิปฯพัทยาพังการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552 จนพังพินาจฉิบหายวายวอด แต่เขาก็ได้รับการประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์จำนวน 2 ล้านบาท
แต่หลังจากนั้นบรรยากาศเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เมื่อเดินเข้ามอบตัวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และส่งตัวต่อไปที่อัยการและนำส่งศาลและยื่นขอประกันตัว แต่กลายเป็นว่าผลออกมาอย่างที่เห็น คือไม่ให้ปล่อยตัวออกมาเพ่นพ่านข้างนอก ให้เหตุผลว่ามีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะออกมาข่มขู่ยุ่งเหยิงพยานจนเสียรูปคดี และแม้ว่าจะเดินเข้ามอบตัวเอง แต่กว่ามาได้ก็ทิ้งเวลาตั้ง 2 ปี อีกทั้งนอกเหนือจากคดีก่อการร้ายแล้วยังมีคดีอื่นๆ ยาวเป็นหางว่าว จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวดังกล่าว
ที่ต้องบอกว่าช็อก ผิดหวังหรืออะไรก็ตามทีสำหรับอริสมันต์ เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจในลักษณะฮึกเหิมว่าก่อนเข้ามามอบตัวก็ได้มีการประสานกันเป็นการภายในระดับรัฐบาล รวมไปถึงฝ่ายกองทัพ ทำนองว่า “เส้นทางสะดวก” เปิดไฟเขียวผ่านตลอดอะไรประมาณนั้น พร้อมทั้งทิ้งวาทะเด็ดก็คือ “เชื่อมั่นในความยุติธรรม” ซึ่งเมื่อเปิดเกมแรกๆก็เป็นไปอย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ
แต่เมื่อต้องเบรกหยุดกึก จนต้องระเห็จไปนอนอยู่ในคุกอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เวลาผ่านมาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง บรรยากาศหักมุมแบบกลับหลังหัน ข่าวว่าในตอนแรกทางฝ่ายทีมทนายความได้เตรียมแก้เกมเอาไว้โดยจะขอยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลใหม่ในวันรุ่งขึ้น แถมจะเพิ่มหลักทรัพย์ประกันตัวจากเดิม 1.2 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท เหมือนกับคดีที่ได้รับการประกันตัวที่ศาลจังหวัดพัทยา แต่ในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนใจ หันกลับมาตั้งหลักใหม่รอเวลาอีกประมาณ 1 สัปดาห์ค่อยยื่นประกันตัวใหม่
การเปลี่ยนใจดังกล่าว มันก็ทำให้ต้องมาวิเคราะห์เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือมีอะไรที่ผิดสังเกตหรือไม่ ทำไมถึงไม่รับการประกันตัวเหมือนกับ พวกหัวโจกก่อนหน้านี้ที่เคยหลบหนีและเข้ามามอบตัวในลักษณะเดียวกัน เช่น อดิศร เพียงเกษ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เป็นต้น ซึ่งคนพวกนี้ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย ฝ่าฝืนพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาในรายละเอียด โดยเฉพาะ “พฤติการณ์แห่งคดี” ถือว่ามีความแตกต่างอย่างมากมาย เพราะอริสมันต์เรียกได้ว่าเป็น “แดงฮาร์ดคอร์” มีพฤติกรรมก่อความรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง มีการปลุกระดมมวลชนให้กระทำการในลักษณะที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วน หากมีการไล่เรียงแต่ละเหตุการณ์ก็จะเห็นภาพชัดเจน เริ่มจากกรณีที่นำคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงแรมรอยัลคลิฟบีช พัทยา เมื่อปี 2552 จนทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับผู้นำประเทศมหาอำนาจอื่นต้องล้มไป ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศได้รับความเสียหายจนไม่อาจประเมินค่าได้เลย และบรรยากาศในยามนั้นมีผู้นำต่างประเทศหลายคนต้องหนีฝูงชน เป็นภาพที่น่าอดสูยิ่งนัก
ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหายย่อยยับ!!
นอกจากนั้นหากจำกันได้ เขานี่แหละที่ประกาศกลางเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดก่อนระดมพลเข้ามากรุงเทพมหานคร โดยปลุกระดมว่า “ให้พี่น้องเตรียมขวดน้ำขนาด 1 ลิตรมาคนละขวด น้ำมันไปหาเติมเอาข้างหน้า เราจะทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นทะเลเพลิง” รวมไปถึงวาจาที่จงใจกล่าวออกมาในเชิงข่มขู่ว่าจะ “บุกโรงพยาบาลศิริราช”
ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ถูกล้อมจับที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เขาก็เล็ดลอดหลบหนีออกมาได้ โดยใช้มวลชนกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยถึงกับใช้ปืนข่มขู่นายตำรวจยศนายพลให้วางอาวุธปืนแทบเท้าตัวเขา ซึ่งถือว่านี่คือพฤติกรรมที่เหิมเกริม ลบหลู่หยามเกียรติ ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจรักศักดิ์ศรี เป็นตำรวจในสายเลือด เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์โดยอาชีพ เมื่อเห็นภาพดังกล่าวแล้วคงไม่ยอมให้ถูกย่ำยีศักดิ์ศรีเป็นแน่
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมแห่งคดีดังกล่าวที่ออกมาในลักษณะถ่อย เถื่อนและออกมาในลักษณะจาบจ้วง คุกคามสถาบันฯ สร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองเหลือคณานับ จนไม่อาจให้ออกมาสร้างความรำคาญข้างนอก และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง จึงไม่ได้รับการประกันตัว ขณะเดียวกัน ในเมื่อเจ้าตัวย้ำว่ามั่นใจในความยุติธรรมก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมในคุกต่อไป
เพราะนี่คือความยุติธรรมแรกที่เขาได้รับ หลังจากที่หลบหนีเอาตัวรอดหลังจากก่อเหตุ สร้างความฉิบฉายให้แก่บ้านเมืองไปกบดานอยู่ในความอารักขาของฮุนเซน ผู้นำกัมพูชานานกว่า 2 ปี และเชื่อว่ายังมีอีกหลายคดีที่กำลังต่อแถวเข้าคิวในอีกไม่นานข้างหน้า!!