บุตรชายวัย 38 ปี คลั่งสติแตกกลางดึก ลุกขึ้นมาใช้มีดอีโต้ฟันมารดาวัย 75 ปี ดับอนาถคาบ้านพัก แล้วยืนรอมอบตัว บอกตำรวจช่วยจับที เพราะมีอาการทางประสาท เพื่อนบ้านเผย หลังได้ยินเสียงเอะอะโครมครามที่บ้านผู้ตายแล้ว เห็นผู้ต้องหาออกมายืนชูมีดอีโต้ขึ้นฟ้า พร่ำบ่นไม่เป็นภาษา เมื่อแจ้งตำรวจมาตรวจสอบก็พบเป็นเหตุมาตุฆาตไปแล้ว
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.อ.พีระวิทย์ เปรมธนารักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 318/59 หมู่บ้านการเคหะทุ่งสองห้อง ถ.สรงประภา แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น. 2 พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว เนื่อที่ประมาณ 50 ตารางวามีรั้วรอบขอบชิด ที่บริเวณกลางห้องพบศพนางพรพิมล ปานรักษา อายุ 75 ปี สภาพเปลือยกาย มีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ และข้อมือเป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ภายในห้องพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของล้มระเนระนาด ที่หน้าบ้านมีศาลพระภูมิถูกตีจนหักพัง นอกจากนี้ พบนายกมลพัฒน์ ปานรักษา อายุ 38 ปี สภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือดยืนด้วยอาการสงบนิ่งรอมอบตัวอยู่ พร้อมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางพรพิมล ผู้เป็นมารดาเอง พร้อมทั้งบอกตำรวจด้วยว่าเป็นโรคประสาทให้ช่วยจับไปที ตำรวจจึงนำตัวไปสอบสวน
ร.ต.อ.พีระวิทย์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนายกมลพัฒน์ให้การว่า พักอยู่กับนางพรพิมลซึ่งเป็นมารดา และน้องสาวอีกคนวัย 35 ปี โดยตนทำงานเป็นช่างในโรงงานน้ำยาแอร์ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี มีรายได้เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนมีอาการทางประสาท ต้องไปโรงพยาบาลศรีธัญญา แล้วต้องกินยาระงับประสาทเสมอมา โดยก่อนเกิดเหตุนอนไม่หลับมา 4 วันเต็ม และยอมรับในการทำผิดทุกอย่าง ทั้งนี้ ระหว่างที่สอบปากคำ สายตาของนายกมลพัฒน์มีลักษณะเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
จากการสอบสวนนายคมสันต์ ทองหาญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 318/60 เพื่อนข้างบ้านให้การว่า ปกตินายกมลพัฒน์เป็นคนนิสัยดีมาก พูดจาไพเพราะ ครับผมทุกครั้ง ไม่เคยมีท่าทีว่าจะเป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด โดยวันนี้ตอนตี 3 ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียดังคล้ายมีการทุบทำลายข้าวของจึงวิ่งออกมาดูก็พบนายกมลพัฒน์ถือมีดอีโต้ พูดจาไม่เป็นภาษา จากนั้นจึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงนายกมลพัฒน์ก็เข้ามอบตัวแต่โดยดี
นอกจากนี้มีเพื่อนบ้านอีกคนให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ปกตินางพรพิมลจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบออกคำสั่งแก่ลูกๆ จนเพื่อนบ้านต้องเตือนว่าอย่าไปจ้ำจี้จ้ำไชลูกมากเกินไป ซึ่งก็อาจเป็นชนวนอย่างหนึ่งที่นายกมลพัฒน์เกิดอาการสติแตก ส่วนที่ว่านายกมลพัฒน์เหมือนคนร่างทรงนั้น เพื่อนบ้านบอกว่าทราบเพียงว่าที่บ้านไม่มีการทรงเจ้า แต่รู้ว่านายกมลพัฒน์ชอบไปครอบครูตามวัดดังๆ ซึ่งไม่นานมานี้ก็เพิ่งไปครอบครูที่วัดย่านบางแคมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะส่งตัวนายกมลพัฒน์ให้แพทย์ตรวจก่อนว่ามีอาการทางประสาทจริงหรือไม่ จากนั้นจะได้แจ้งข้อกล่าวหาร และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันนี้ (6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. ร.ต.อ.พีระวิทย์ เปรมธนารักษ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านเลขที่ 318/59 หมู่บ้านการเคหะทุ่งสองห้อง ถ.สรงประภา แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น. 2 พ.ต.อ.พงษ์ สังข์มุรินทร์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง แพทย์นิติเวช รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว เนื่อที่ประมาณ 50 ตารางวามีรั้วรอบขอบชิด ที่บริเวณกลางห้องพบศพนางพรพิมล ปานรักษา อายุ 75 ปี สภาพเปลือยกาย มีบาดแผลถูกฟันที่ศีรษะ และข้อมือเป็นแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ภายในห้องพบร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของล้มระเนระนาด ที่หน้าบ้านมีศาลพระภูมิถูกตีจนหักพัง นอกจากนี้ พบนายกมลพัฒน์ ปานรักษา อายุ 38 ปี สภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือดยืนด้วยอาการสงบนิ่งรอมอบตัวอยู่ พร้อมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่านางพรพิมล ผู้เป็นมารดาเอง พร้อมทั้งบอกตำรวจด้วยว่าเป็นโรคประสาทให้ช่วยจับไปที ตำรวจจึงนำตัวไปสอบสวน
ร.ต.อ.พีระวิทย์เปิดเผยว่า จากการสอบสวนายกมลพัฒน์ให้การว่า พักอยู่กับนางพรพิมลซึ่งเป็นมารดา และน้องสาวอีกคนวัย 35 ปี โดยตนทำงานเป็นช่างในโรงงานน้ำยาแอร์ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี มีรายได้เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเมื่อ 15 ปีก่อนมีอาการทางประสาท ต้องไปโรงพยาบาลศรีธัญญา แล้วต้องกินยาระงับประสาทเสมอมา โดยก่อนเกิดเหตุนอนไม่หลับมา 4 วันเต็ม และยอมรับในการทำผิดทุกอย่าง ทั้งนี้ ระหว่างที่สอบปากคำ สายตาของนายกมลพัฒน์มีลักษณะเหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา
จากการสอบสวนนายคมสันต์ ทองหาญ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 318/60 เพื่อนข้างบ้านให้การว่า ปกตินายกมลพัฒน์เป็นคนนิสัยดีมาก พูดจาไพเพราะ ครับผมทุกครั้ง ไม่เคยมีท่าทีว่าจะเป็นคนโหดร้ายแต่อย่างใด โดยวันนี้ตอนตี 3 ต้องสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียดังคล้ายมีการทุบทำลายข้าวของจึงวิ่งออกมาดูก็พบนายกมลพัฒน์ถือมีดอีโต้ พูดจาไม่เป็นภาษา จากนั้นจึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงนายกมลพัฒน์ก็เข้ามอบตัวแต่โดยดี
นอกจากนี้มีเพื่อนบ้านอีกคนให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า ปกตินางพรพิมลจะเป็นคนเจ้าอารมณ์ชอบออกคำสั่งแก่ลูกๆ จนเพื่อนบ้านต้องเตือนว่าอย่าไปจ้ำจี้จ้ำไชลูกมากเกินไป ซึ่งก็อาจเป็นชนวนอย่างหนึ่งที่นายกมลพัฒน์เกิดอาการสติแตก ส่วนที่ว่านายกมลพัฒน์เหมือนคนร่างทรงนั้น เพื่อนบ้านบอกว่าทราบเพียงว่าที่บ้านไม่มีการทรงเจ้า แต่รู้ว่านายกมลพัฒน์ชอบไปครอบครูตามวัดดังๆ ซึ่งไม่นานมานี้ก็เพิ่งไปครอบครูที่วัดย่านบางแคมา
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะส่งตัวนายกมลพัฒน์ให้แพทย์ตรวจก่อนว่ามีอาการทางประสาทจริงหรือไม่ จากนั้นจะได้แจ้งข้อกล่าวหาร และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป