ตำรวจเร่งสรุปประเด็นการสังหารร่างทรงเจ้าแม่อุมาเทวี อย่างละเอียด เชื่อ ปมสังหารไม่พ้นสองประเด็นหลัก ทั้งเรื่องทำเสน่ห์ยาแฝด หรือเรื่องเงินกู้ พร้อมเร่งติดตามคนร้ายที่เชื่อว่า เป็นระดับมืออาชีพอย่างเร่งด่วนเช่นเดียวกัน
วันนี้ (11 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.พ.ต.ท.เจิดเกษม ศิริโชติ สว.สส.สน.บางชัน กล่าวถึงคดีคนร้ายบุกสังหาร นางยุพดี สุดทำ อายุ 58 ปี ร่างทรงพระแม่อุมาเทวี ด้วยอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณท้ายทอย 5 นัด ที่บ้านเลขที่ 63/1529 หมู่บ้านเคหะธานี 4 ถนนราษฎร์พัฒนา แขวงและเขตสะพานสูง กทม.เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า จากแนวทางการสืบสวน พบว่า ผู้ตายได้วิ่งเต้นช่วยเหลือผู้อื่นในเรื่องคดียาเสพติด ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตายถูกยิงก็เป็นได้
ขณะนี้ได้เรียกทางญาติผู้ตาย และผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากจะส่งผลต่อรูปคดี และขอทางเจ้าหน้าที่หาหลักฐานเพิ่มเติม แต่ก็ยังไม่ได้ตัดประเด็นที่ผู้ตายมีอาชีพเป็นร่างทรงพระแม่อุมาเทวี ที่มีวิชาทำให้คนรักกลับมาคืนดีหรือเลิกกันได้ ซึ่งจะนำรายชื่อลูกค้าที่ผู้ตายจดไว้ทั้งหมดนำมาตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่มีเรื่องโกธรแค้นกับผู้ตาย ส่วนประเด็นเงินกู้นั้น ต้องรอสอบลูกสาวผู้ตายเพิ่มเติมอีกครั้ง
พ.ต.ท.เจิดเกษม กล่าวต่อว่า เชื่อว่า คนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มมืออาชีพ เพราะลักษณะการยิงมีความใจเย็น และไม่ได้มีอาการตกใจแต่อย่างใด จึงเร่งหาภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อหาเบาะแสของคนร้ายเพิ่มเติม และจะทำการสเกตช์ภาพของคนร้ายจากคำให้การของสามีผู้ตาย ที่ยืนยันว่า ได้เห็นใบหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน เพื่อติดตามจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น.กล่าวว่า เบื้องต้นยังคงตั้งประเด็นในการสังหารครั้งนี้เอาไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องอาชีพร่างทรงที่ผู้ตายทำมานานกว่า 2 ปี ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ทำให้คู่รักหลายคู่ต้องเลิกรากัน และเรื่องเงินกู้ เพราะเท่าที่ทราบครอบครัวของผู้ตายปล่อยเงินกู้ให้กับคนในละแวกดังกล่าวด้วย ส่วนเรื่องการวิ่งเต้นคดีให้กับคนที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น ยังไม่มีหลักฐานโยงใยชัดเจน จึงไม่อยากให้นำเข้ามาเกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ในการสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายขณะนี้ ได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด เพื่อหาเส้นทางการหลบหนีของคนร้าย ขณะนี้มีภาพวงจรปิดเพียงแค่บางส่วน แต่ก็ไม่ชัดเจน เนื่องจากคนร้ายสวมหมวกกันน็อก ส่วนพาหนะของคนร้ายก็ยังไม่ชัดเจนเช่นกัน ว่า เป็นรถยี่ห้อและรุ่นอะไร แต่ที่รู้แน่ชัดแล้วว่าพาหนะของคนร้ายไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งหาเบาะแสของคนร้าย จากการสอบปากคำพยาน และบุคคลใกล้ชิด อีกทั้งจะเร่งหาภาพวงจรปิดมารวบรวมเป็นหลักฐานให้ได้โดยเร็ว เพื่อจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป