xs
xsm
sm
md
lg

อัยการจ่อฟ้อง “สุพจน์ ทรัพย์ล้อม” ร่ำรวยผิดปกติ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม
อธ.อัยการคดีพิเศษ เผย รอสำนวน ป.ป.ช.จ่อฟ้อง อดีตปลัดคมนาคม ร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทางแพ่งอาญา ส่วนคดี “ตู่ จตุพร” หมิ่นเบื้องสูง มอบให้พนักงานอัยการพิเศษ 4 สั่งคดี ถ้าเห็นต่างดีเอสไอ สั่งฟ้องเองได้

วันนี้ (25 พ.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 17,553,000 บาท และทองรูปพรรณหนัก 10 บาท เพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ว่า ตามขั้นตอนต่อจากนี้ ป.ป.ช.ต้องส่งพยานหลักฐานพร้อมทำความเห็นของ ป.ป.ช.เสนอต่อ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด หรือ อสส. ส่งมาให้ตนพิจารณาอีกครั้ง แต่ยังไม่ทราบว่า ป.ป.ช.จะส่งสำนวนและความเห็นมาให้ อัยการสูงสุดเมื่อใด โดยตนจะมอบหมายให้อัยการฝ่ายเป็นผู้พิจารณา ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ คงไม่ต้องมีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพราะเท่าที่ติดตามดูข่าวคดีนี้มาไม่น่าจะมีความสลับซับซ้อน ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

นายวินัย กล่าวว่า การฟ้องร้องดำเนินคดีร่ำรวยผิดปกติกับ นายสุพจน์ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือในคดีแพ่ง เนื่องจาก นายสุพจน์ เป็นข้าราชการระดับสูง ไม่ใช่นักการเมือง หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยอัยการจะยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง ซึ่งต้องดูภูมิลำเนาที่เกิดเหตุว่าจะต้องยื่นต่อศาลแพ่งใด เพื่อขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งริบทรัพย์สินที่ได้มาจากการร่ำรวยผิดปกตินั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของนายสุพจน์ที่จะต้องพิสูจน์ที่มาของทรัพย์สินต่อศาลแพ่ง หากไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินนั้นได้ว่าได้มาอย่างไร ศาลก็จะมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนที่ 2 คดีคือการดำเนินคดีอาญาซึ่งต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานสำนวนการสอบสวนและความเห็นของ ป.ป.ช.ว่า การที่ นายสุพจน์ ร่ำรวยผิดปกตินั้น มาจากการกระทำผิดหรือทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือเป็นจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินจากผู้อื่น เพื่อประโยชน์ตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่อย่างไร ซึ่งหากมีพยานหลักฐานพอฟังได้ว่า นายสุพจน์ น่าจะกระทำการทุจริต ก็จะต้องมีความผิดทางอาญาซึ่งอัยการก็จะยื่นฟ้องนายสุพจน์ ต่อศาลอาญาอีกคดีด้วย แต่ยังไม่ทราบว่าในสำนวนที่ ป.ป.ช.จะส่งมาให้อัยการจะมีการกล่าวหานายสุพจน์เรื่องทุจริตด้วยหรือไม่

นายวินัย กล่าวถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีคำสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในข้อหาหมิ่นเบื้องสูง ว่า ได้รับสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้องของพนักงานสอบสวนดีเอสไอแล้ว โดยได้มอบหมายให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 รับผิดชอบการพิจารณาสั่งคดี ถ้าหากอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับดีเอสไอ โดยจะมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ก็มีอำนาจที่จะเรียกนายจตุพร มารับทราบข้อกล่าวหา และทำสำนวนส่งฟ้องต่อศาลอาญา แต่ถ้าอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 พิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ โดยจะมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องนายจตุพร ก็จะต้องนำสำนวนพร้อมความเห็นเสนอให้ตนพิจารณาต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดให้นายจตุพร มาฟังคำสั่งคดีแต่อย่างใด
กำลังโหลดความคิดเห็น