งบประมาณกว่า 1.3 แสนล้านบาท ที่กระทรวงคมนาคมได้รับในปีนี้ จะถูกนำไปใช้จ่ายในโครงการที่สำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งระบบราง ถนน การขนส่งทางน้ำ และการขนส่งทางอากาศ ซี่งโครงการต่างๆ มีแผนยุทธศาสตร์ชัดเจน ครอบคลุมจนถึง 20 ปีข้างหน้า
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า คดีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตัดสินวันนี้ ไม่ทำให้งานของกระทรวงคมนาคมชะงัก เนื่องจากมีรองปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพราะนายสุพจน์ถูกย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และยื่นใบลาออกจากราชการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ทันทีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายน 2554 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี นายสุพจน์ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ร่ำรวยผิดปกติ และทุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยมี นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน และมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นอนุกรรมการ พร้อมกันนี้ยังมีมติให้คณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณาอายัดเงิน จำนวน 15 ล้านบาท ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคืนมาในครั้งแรก กระทรวงคมนาคม
โดยพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามคำสั่งในวันที่ 18 พฤศจิกายน โยกย้ายนายสุพจน์ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับลงนามแต่งตั้ง นายศิลปชัย จารุเกษมรัตน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่แทนปลัดกระทรวงคมนาคม
จากนั้น ปลายเดือนพฤศจิกายน พล.อ.อ.สุกำพล ยังลงนามคำสั่งแต่งตั้ง นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาว่า มีพฤติกรรมที่จำเป็นต้องเสนอกระทรวงคมนาคมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร่วมด้วยหรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาสอบสวนเพียงไม่ถึง 10 ครั้ง คณะกรรมการชุดนี้ยุติการสอบ ด้วยเหตุผลว่า ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการสรุปผลการสอบสวน ซึ่งต้องรอผลการสอบจาก ป.ป.ช. โดยหากมีความผิดร้ายแรงอาจจะนำไปสู่การสอบสวนทางวินัยนายสุพจน์ แต่นายสุพจน์ชิงลาออกก่อนเพียงแค่ 2 วัน
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า คดีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตัดสินวันนี้ ไม่ทำให้งานของกระทรวงคมนาคมชะงัก เนื่องจากมีรองปลัดกระทรวงทำหน้าที่รักษาการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพราะนายสุพจน์ถูกย้ายให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และยื่นใบลาออกจากราชการแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
ทันทีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเห็นชอบในเดือนพฤศจิกายน 2554 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี นายสุพจน์ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ ร่ำรวยผิดปกติ และทุจริตต่อหน้าที่ราชการ โดยมี นายใจเด็ด พรไชยา กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธาน และมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช.เป็นอนุกรรมการ พร้อมกันนี้ยังมีมติให้คณะอนุกรรมการไต่สวน พิจารณาอายัดเงิน จำนวน 15 ล้านบาท ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคืนมาในครั้งแรก กระทรวงคมนาคม
โดยพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามคำสั่งในวันที่ 18 พฤศจิกายน โยกย้ายนายสุพจน์ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมกับลงนามแต่งตั้ง นายศิลปชัย จารุเกษมรัตน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่แทนปลัดกระทรวงคมนาคม
จากนั้น ปลายเดือนพฤศจิกายน พล.อ.อ.สุกำพล ยังลงนามคำสั่งแต่งตั้ง นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาว่า มีพฤติกรรมที่จำเป็นต้องเสนอกระทรวงคมนาคมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร่วมด้วยหรือไม่ แต่หลังจากพิจารณาสอบสวนเพียงไม่ถึง 10 ครั้ง คณะกรรมการชุดนี้ยุติการสอบ ด้วยเหตุผลว่า ข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการสรุปผลการสอบสวน ซึ่งต้องรอผลการสอบจาก ป.ป.ช. โดยหากมีความผิดร้ายแรงอาจจะนำไปสู่การสอบสวนทางวินัยนายสุพจน์ แต่นายสุพจน์ชิงลาออกก่อนเพียงแค่ 2 วัน
