ตำรวจปราบปรามยาเสพติดจับสาวไทยรับจ้างหนุ่มไนจีเรีย กลืนโคเคน 42 ถุง หนัก 550 กรัม นั่งรถไฟเข้าประเทศ จนท.สืบทราบแสดงตัวขอตรวจค้นแต่ไม่พบ นำตัวไปเอกซเรย์จนพบโคเคน ก่อนขยายผลตามจับตัวผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการ อีกคดีจับ 2 ผู้ต้องหาลักลอบค้ายาในพื้นที่ จ.สระแก้ว ยึดยาบ้า 4 พันเม็ด ยาไอซ์ 70 กรัม
วันนี้ (21 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ต.จิรโรจน์ กี่ศิริ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร ผบก.ปส.2 แถลงจับกุมผู้ต้องหานักค้ายาเสพติด 2 คดี โดยคดีแรกจับกุมนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ ประกอบด้วยผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ น.ส.ชวารมณ์ พูลบุญ อายุ 32 ปี สัญชาติไทย น.ส.ชุติกาญจน์ พงษพยัคฆ์ อายุ 32 ปี สัญชาติไทย นายแอนโทนี่ โฮรีเวอร์ จอร์นสัน (ANTHONI OLIVER JOHSON) อายุ 35 ปี สัญชาติไนจีเรีย พร้อมของกลางโคเคน จำนวน 42 ถุง น้ำหนัก 550 กรัม โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อแอลจี จำนวน 1 เครื่อง เงินสด จำนวน 60,000 บาท บัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 1 ใบ สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 ได้ที่หอผู้ป่วยหญิงเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ชั้น 4/1 โรงพยาบาลตำรวจ แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ได้ที่บริเวณหน้าร้านเคเอฟซี สาขาโลตัส ถ.วัชรพล แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ และผู้ต้องหาที่ 3 ได้บริเวณหน้าห้องพักเลขที่ 48/154 ตึก G ชั้น 7 รีเจ้นโฮม ซอยเลียบทางด่วนบางนา ถ.สรรพาวุธ แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์ลักลอบขนโคเคนมาจากต่างประเทศ จึงติดตามพฤติการณ์เรื่อยมา ต่อมา เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2555 สืบทราบว่าผู้ต้องหาที่ 1 จะลักลอบนำโคเคนจากประเทศบราซิลผ่านประเทศสิงคโปร์มายังประเทศไทยเข้าทางมาเลเซีย จากนั้นนำเข้ามาประเทศไทยทางรถไฟ จึงวางแผนจับกุมโดยขึ้นไปขบวนรถไฟดังกล่าวที่สถานีรถไฟนครปฐม กระทั่งพบผู้ต้องหาที่ 1 มากับขบวนดังกล่าวด้วย จึงติดตามจนมาถึงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง และสังเกตเห็นว่าผู้ต้องหาท่าทางมีพิรุธ จึงได้เข้าแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใด แต่ผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าได้รับจ้างจากผู้ต้องหาที่ 3 ให้กลืนโคเคนเข้าร่างกายมาส่งให้ และได้นำตัวไปเอกซเรย์ที่โรงพยาบาลตำรวจ พบโคเคนอยู่ในร่างกาย จึงให้ผู้ต้องหาที่ 1 ทำการขับถ่ายออกมาให้หมด และทำการสืบสวนขยายผลทราบว่า นำโคเคนไปส่งมอบให้แก่ผู้ต้องหาคนที่ 2 เมื่อผู้ต้องหาคนที่ 2 เดินทางมารับโคเคนที่เกิดเหตุและติดต่อให้ผู้ต้องหาที่ 3 มารับโคเคนของกลาง จึงจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมด้วยของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.
จากการสอบสวน น.ส.ชวารมณ์ ให้การรับสารภาพว่า ตนรับกลืนยามาจากประเทศบราซิลโดยมีคนไนจีเรียที่ทำงานในประเทศบราซิลจะเป็นผู้ให้กินยาชาก่อนที่จะให้กลืนโคเคนเข้าไปโดยคอยหยอดน้ำตามตลอด ตั้งแต่เวลา 11.30-21.00 น. จนกลืนยาทั้งหมดเสร็จสิ้น ได้ค่าจ้างขนจำนวน 100,000 บาท ส่วน น.ส.ชุติกาญจน์ รับว่าได้ค่าจ้าง จำนวน 70,000 บาท และนายแอนโทนี่รับสารภาพว่า ตนนั้นอยู่ในประเทศไทยมาประมาณ 5 ปีแล้ว โดยมีภรรยาคนไทยคือ น.ส.ชุติกาญจน์ จึงชักชวนให้มาร่วมกันทำ ส่วนใหญ่จะจำหน่ายให้แก่คนต่างชาติในกรุงเทพฯ และพัทยา ตนเองจะได้ค่าจ้าง จำนวน 75,000 บาท จากนายใหญ่ที่เป็นคนผิวดำอยู่ใน กทม.อีกทอดหนึ่ง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา น.ส.ชวารมณ์ ว่ามียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วน น.ส.ชุติกาญจน์ และนายแอนโทนี่ แจ้งข้อหาว่า ร่วมกันพยายามมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลจับกุมต่อไป
ส่วนคดีที่ 2 เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 เวลาประมาณ 17.00 น. พ.ต.อ.ธนนท์ เวชชยานนท์ ผกก.1 บก.ปส.2 พ.ต.ท.ไพศาล อุดมเดชชัยรัตน์ สว.กก.1 บก.ปส.2 ร่วมกับพวกจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายวัชระ หรือท๊อป บุญวัฒนชัย อายุ 25 ปี และ น.ส.เพ็ญนภา หรือหมวย จรรโลงบุตร อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 4,000 เม็ด ยาไอซ์ น้ำหนัก 70 กรัม รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ซ หมายเลขทะเบียน กค 3915 สระแก้ว จำนวน 1 คัน โดยจับกุมได้ที่ด่านตรวจกองกำลังบูรพา หมู่ 5 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหากับพวกจำหน่ายยาบ้า และยาไอซ์ให้แก่ลูกค้าในพื้นที่ จ.สระแก้ว จึงติดตามพฤติการณ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2555 ผู้ต้องหากับพวกได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวในการลำเลียงยาเสพติด จึงประสานกองกำลังบูรพาให้สกัดรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมา ได้มีรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าวขับมาทางด่านฯ ที่เกิดเหตุ ได้พบผู้ต้องหาเรียกให้จอดเพื่อขอตรวจค้น จากนั้นได้ตรวจค้นภายในรถยนต์พบของกลางดังกล่าว จึงจับกุม และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน นายวัชระรับสารภาพว่า ตนเป็นเพียงผู้รับจ้างขนมาจากประเทศเขมรเท่านั้น ส่วน น.ส.เพ็ญนภา รับสารภาพว่า เพิ่งจะมารู้จักกับนายวัชระได้ไม่นาน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และจะทำการสอบสวนอย่างละเอียด และขยายผลจับกุมต่อไป