ศรพระราม
หลังจาก พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้การนครศรีธรรมราช บุกทลายซ่องโจรในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ชาวบ้านก็ได้รับรู้ความระยำมากมาย ที่เกิดขึ้นภายในกำแพงสี่เหลี่ยม ซึ่งไม่สมควรเรียกว่าเรือนจำ
เพราะมันเต็มไปด้วยสิ่งของผิดกฎหมายและสิ่งของต้องห้าม
มือถือ 300 กว่าเครื่อง เข้าไปได้ยังไง ในห้องขังมีปลั๊กไฟฟ้าให้ชาร์จแบตเตอรี่หรือ มันก็ต้องอาศัยผู้คุมสารเลวไปจัดการให้
ยาบ้ายาไอซ์เสพกันสำราญบานตะไท เมาแล้วก็เปิดเพลงลั่นห้องสนั่นคุก เต้นกันอย่างสุขสำราญ
ผู้คุมถูกแบงก์พันยัดรูหู เลยไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น
อุบาทว์ชาติชั่วกันอย่างนี้ สังคมก็ต้องจับตาไปที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะจัดการกับลูกน้องของตัวเองอย่างไร
ก็มีแต่เด้งผู้บัญชาการเรือนจำเข้ากรม เด้งผู้คุม 11 คนไปอยู่เรือนจำอื่น
ตั้งคณะกรรมการสอบสวน แล้วก็ท่องคาถาประจำตัวข้าราชการ “ถ้าพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องลงโทษทั้งวินัยและอาญา”
เอานักโทษยาเสพติดระดับเจ้าพ่อ 40 คน ไปยัดใส่เรือนจำกลางเขาบิน ราชบุรี
แล้วแสดงวิสัยทัศน์ในด้านการป้องกัน ไม่ให้ความระยำฉาวโฉ่เหมือนนครศรีธรรมราชราช จะขอแรงตำรวจตระเวนชายแดนมาช่วยงาน ทำหน้าที่ตรวจค้นเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกคน ก่อนเข้าไปในเรือนจำ
เฉพาะเรือนจำกลางระดับความมั่นคงสูง 9 แห่งทั่วประเทศ ใช้ ตชด.เรือนจำละ 50 นาย
มีแค่นี้จริงๆ สำหรับอธิบดีคุกคนนี้
เอาตำรวจไปยืนตรวจผู้คุมทุกเช้า มันแก้ปัญหาอะไรได้
ยิ่งตอนนี้ มือถือในคุกกำลังขาดแคลน เจ้าพ่อยาเสพติดไม่มีเครื่องมือสื่อสารติดต่อซื้อขายกับภายนอก
มือถือในคุกจึงกลายเป็นสินค้า “แพงทั้งแผ่นดิน” ร่วมสมัยกับสินค้านอกคุก
ก็ต้องยกเครดิตให้ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย บริหารงานเข้ากับสถานการณ์ข้าวยากหมากแพง ไม่น้อยหน้ากระทรวงพาณิชย์
พ.ต.อ.สุชาติ พรานรุ่น 37 อดีตสารวัตรประจำกองปราบ, สวป.สน.มักกะสัน, รอง ผกก.จร.สน.มักกะสัน, ผกก.สภ.อ.ลาดบัวหลวง พระนครศรีอยุธยา
สมองไหลไปอยู่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยุค พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ เป็นอธิบดี เพราะ พ.ต.อ.สุชาติเคยเป็นผู้ช่วยนายเวรของ พล.ต.อ.สวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ อ.ตร.
เป็นตำรวจมีตำแหน่งแค่ผู้กำกับการไปอยู่ดีเอสไอได้เป็นถึงผู้บัญชาการ ประเดิมด้วยผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ตามด้วยผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศ แล้วขึ้นเป็นรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
โยกไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อเดือนกันยายน 2554
นั่งเก้าอี้ตัวนี้มา 8 เดือน คงปฏิเสธความรับผิดชอบเรื่องเลวระยำเหล่านี้ไม่ได้
และคงไม่ต้องไปควานหาจริยธรรมจากตัวบิ๊กๆทั้งหลายในกรมคุก
แค่นี้ก็สงสารประเทศไทยเต็มทนแล้ว.