นครศรีธรรมราช - ผบ.เรือนจำนครศรีฯ สั่งติดไฟฟ้าส่องสว่างเพิ่มรอบคุก มั่นใจผู้คุมเข้มงวดยาเสพติดค่อยๆ หมดแน่ เผยรองอธิบดีเตรียมลงตรวจสอบพฤติกรรมฉาวผู้คุม “กินตรวน” พรุ่งนี้ “บังมะ” นักโทษค้ายายังซ่าโทรศัพท์ออกมาขู่ ตร.บอกให้ระวังตัวเตรียมสางแค้น
การติดตามแก้ไขปัญหาภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด วันนี้ (6 พ.ค.) นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการจะเดินทางมาพร้อมด้วยคณะกรรมการชุดสอบสวนข้อมูลจากข่าวที่เผยแพร่ออกไปที่เกี่ยวข้องกับผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เช่น เรื่องของการกินตรวน เรื่องของการประพฤติมิชอบในรูปแบบต่างๆ และกรรมการอีก 1 ชุด ที่มาสอบกรณีการค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และกรณีที่มีความเชื่อมโยงกับผู้คุม
“ในส่วนของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เชื่อว่า ของต้องห้ามต่างๆ ไม่สามารถเข้ามาในเรือนจำได้ในทางประตูด้านหน้าอย่างแน่นอน เพราะทุกคนอยู่ในสภาพผวากับโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ หากประพฤติมิชอบ หรือหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนภายนอกเรือนจำได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งการป้องกันการส่งของต้องห้ามหรืออื่นๆ เข้ามา โดยการโยนข้ามกำแพง ซึ่งได้ติดไฟฟ้าส่องสว่างชนิดสปอตไลต์กำลังสูงรอบเขตรั้ว เพื่อสามารถมองเห็นกรณีบุกเข้ามาขว้างสิ่งของได้ง่ายขึ้น” ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราชกล่าว
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวต่อว่า ในเรื่องของยาเสพติดที่ยังหลงเหลือในเรือนจำนั้น แม้ว่าจะราคาสูงมากขึ้น และยาเสพติดที่มีนั้นถูกซุกซ่อนตามจุดต่างๆ แนบเนียนมาก ทางหนึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามตรวจค้น และยึดออกมาดำเนินคดี อีกทางหนึ่งเชื่อว่า พวกที่เสพยานั้นจะต้องเสพไปเรื่อยๆ ที่มีอยู่นั้นจะต้องค่อยๆ หมดไปแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มเข้าไปในเรือนจำได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพิศาล นุกูล หรือที่รู้จักในนาม “บังมะ” นักโทษคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดในการจับกุมนายพิศาล พร้อมด้วยพวกอีก 3 คน พร้อมมีของกลางเป็นยาเสพติดหลายรายการ และอาวุธปืน 11 มม. 2 กระบอก โดยนายพิศาล หรือบังมะ ได้โทรศัพท์ข่มขู่ สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ทำนองว่าให้ระวังตัวจะถูกล้างแค้นที่จับนายพิศาลจนต้องโทษในเรือนจำ ก่อนที่จะวางสายไป และเมื่อ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ย้อนกลับไปปรากฏว่า ปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว
การติดตามแก้ไขปัญหาภายในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด วันนี้ (6 พ.ค.) นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายปฏิบัติการจะเดินทางมาพร้อมด้วยคณะกรรมการชุดสอบสวนข้อมูลจากข่าวที่เผยแพร่ออกไปที่เกี่ยวข้องกับผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เช่น เรื่องของการกินตรวน เรื่องของการประพฤติมิชอบในรูปแบบต่างๆ และกรรมการอีก 1 ชุด ที่มาสอบกรณีการค้นเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และกรณีที่มีความเชื่อมโยงกับผู้คุม
“ในส่วนของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทุกคนเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เชื่อว่า ของต้องห้ามต่างๆ ไม่สามารถเข้ามาในเรือนจำได้ในทางประตูด้านหน้าอย่างแน่นอน เพราะทุกคนอยู่ในสภาพผวากับโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ หากประพฤติมิชอบ หรือหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนภายนอกเรือนจำได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมทั้งการป้องกันการส่งของต้องห้ามหรืออื่นๆ เข้ามา โดยการโยนข้ามกำแพง ซึ่งได้ติดไฟฟ้าส่องสว่างชนิดสปอตไลต์กำลังสูงรอบเขตรั้ว เพื่อสามารถมองเห็นกรณีบุกเข้ามาขว้างสิ่งของได้ง่ายขึ้น” ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราชกล่าว
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวต่อว่า ในเรื่องของยาเสพติดที่ยังหลงเหลือในเรือนจำนั้น แม้ว่าจะราคาสูงมากขึ้น และยาเสพติดที่มีนั้นถูกซุกซ่อนตามจุดต่างๆ แนบเนียนมาก ทางหนึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามตรวจค้น และยึดออกมาดำเนินคดี อีกทางหนึ่งเชื่อว่า พวกที่เสพยานั้นจะต้องเสพไปเรื่อยๆ ที่มีอยู่นั้นจะต้องค่อยๆ หมดไปแน่นอน เนื่องจากไม่สามารถเพิ่มเข้าไปในเรือนจำได้
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา นายพิศาล นุกูล หรือที่รู้จักในนาม “บังมะ” นักโทษคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญ ได้โทรศัพท์ไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดในการจับกุมนายพิศาล พร้อมด้วยพวกอีก 3 คน พร้อมมีของกลางเป็นยาเสพติดหลายรายการ และอาวุธปืน 11 มม. 2 กระบอก โดยนายพิศาล หรือบังมะ ได้โทรศัพท์ข่มขู่ สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ทำนองว่าให้ระวังตัวจะถูกล้างแค้นที่จับนายพิศาลจนต้องโทษในเรือนจำ ก่อนที่จะวางสายไป และเมื่อ พ.ต.ท.สมชาย มวยดี สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช โทรศัพท์ย้อนกลับไปปรากฏว่า ปลายสายปิดเครื่องไปแล้ว