กรมราชทัณฑ์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมมือกันเสริมกำลังในการเข้าตรวจค้นเรือนจำเป้าหมายเพื่อกวาดล้างยาเสพติด โดยทางตำรวจจะใช้กำลังของ ตชด.เป็นหลัก
วันนี้ (1 พ.ค.) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 3) เดินทางมาเป็นประธาน พิจารณาเรื่องกรมราชทัณฑ์ขอกำลังพลจาก ตชด. ในการร่วมมือปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนจำ โดยมี นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์กล่าวว่า การประชุมร่วมกันในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดที่ลักลอบนำเข้าไปภายในเรือนจำ โดยส่วนใหญ่จะลอบนำเข้ามากับอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มีประมาณ 10,000 คน ไม่เพียงพอต่อการดูแลผู้ต้องขังที่มีประมาณ 200,000 คนได้ คิดเป็น 1 ต่อ 20 จากมาตราฐานที่กำหนดไว้ คือ 1 ต่อ 5 นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่ลักลอบโยนสิ่งของที่ผิดกฎหมายตามรอบกำแพงเข้ามาภายในเรือนจำ จึงประสานไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันตรวจค้นเรือนจำทั้ง 9 แห่ง คือ 1. เรือนจำกลางคลองเปรม 2. เรือนจำกลางบางขวาง 3. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง 4. เรือนจำเขาบิน จ.ราชบุรี 5. เรือนจําคลองไผ่ จ.นครราชสีมา 6. เรือนจําจังหวัดพิษณุโลก 7. เรือนจําจังหวัดระยอง
8. เรือนจําจังหวัดนครศรีธรรมราช 9. เรือนจําจังหวัดสงขลา โดยแต่ละเรือนจำจะเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. จำนวน 50 นาย ทั้งหมดรวม 450 นาย เพื่อเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาด้านยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้อง
พล.ต.ท.ประยูรเปิดเผยหลังการประชุมว่า นับเป็นความร่วมมือกันทำงาน ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์มีหนังสือขอความร่วมมือมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยภารกิจที่สำคัญ อาทิ สกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาภายในเรือนจำ, พยายามลดสิ่งผิดกฎหมายที่มีอยู่ภายในให้ลดจำนวนลงให้มากที่สุด และตรวจค้นทั้งบุคคลกับสิ่งของทุกครั้งที่มีการเข้าออกเรือนจำ โดยจะเริ่มภารกิจประมาณกลางเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ ตชด. เป็นฝ่ายสนับสนุนและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เป็นหน่วยงานหลัก ระยะแรกจะเริ่มปฏิบัติงานประมาณ
4-5 เดือนก่อน ทั้งนี้ การทำงานภายในเรือนจำทางเจ้าหน้าที่จะไม่ไปเกี่ยวข้อง เว้นแต่ระดมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตามภารกิจ