xs
xsm
sm
md
lg

ตร.จ่อสืบทรัพย์สินผู้คุมคุกเมืองคอน หลังพบถ่ายโอนที่ดินจ้าละหวั่นกว่า 200 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นครศรีธรรมราช - ตำรวจนครศรีธรรมราช เล็งสืบล่าทรัพย์สินผู้คุมเป้าหมาย หลังยักย้ายถ่ายโอนที่ดินสวนยางพารากันจ้าละหวั่นกว่า 200 ไร่ ผบก.ลั่นสืบทรัพย์ตามยึดกลับมาได้หากพิสูจน์ชัด เผยข้อมูลโทรศัพท์นักโทษโยงเครือข่ายยาค่อนประเทศ นักข่าวผวาหลังรองอธิบดีคุกทำแปลกสั่ง จนท.บันทึกภาพเรียงสำนักเชิญ 11 ผู้คุมดูหน้า หวั่นไม่ปลอดภัย

ที่ จ.นครศรีธรรมราช การเดินหน้าขยายผลในการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช การสอบสวนดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่เกี่ยวข้องยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญ และยึดเอาการปฏิบัติการครั้งใหญ่ของนครศรีธรรมราช กลายเป็นวิธีการ “นครศรีธรรมราชโมเดล”

ความคืบหน้าวันนี้ (8 พ.ค.) การขยายผลในการสืบสวนเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ฝ่ายสืบสวนรายหนึ่งได้ให้ข้อมูลถึงกรอบการทำงานขณะนี้ได้ถูกแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือ 1.กลุ่มนักโทษที่มีพฤติกรรมค้ายาเสพติดผ่านทางการสั่งการด้วยโทรศัพท์มือถือ 2.กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการสนับสนุน สมคบกับนักโทษในการค้ายาเสพติด

เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนรายนี้ยังอธิบายต่อไปว่า ในส่วนแรกนั้นการสืบสวนขบวนการค้ายาเสพติด ได้ดำเนินการควบคู่กันไปสองลักษณะคือ การสืบสวนเครือข่ายเชื่อมโยงเพื่อการกวาดล้างยาเสพติด และการสืบสวนเครือข่ายทางการเงิน ทรัพย์สินต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ ซึ่งพบว่า แม้นักโทษในกลุ่มผู้ค้าจะเป็นตัวการ แต่ทรัพย์สินที่ได้โดยเฉพาะเงินสดหมุนเวียนนั้นจะใช้ตัวแทนมาถือบัญชี และครอบครองทรัพย์สินแทนกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

และอีกส่วนคือการสืบสวนกลุ่มเจ้าหน้าที่ตามเป้าหมายที่เป็นผู้สมคบ ผู้สนับสนุน ได้มีการสืบสวนเชื่อมโยงกับกลุ่มแรก โดยเฉพาะพฤติกรรมเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดี และเส้นทางทางการเงิน ทรัพย์สินต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์เพื่อให้ตกเป็นของแผ่นดินตามฐานความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2534 ที่สามารถดำเนินการกับผู้ที่สนับสนุน และสมคบได้ รวมทั้งใช้ พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาดำเนินการได้ด้วย

“ขณะนี้ เราพบว่ามีอดีตเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในข่ายการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะถูกดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญาก่อนหน้านี้ พบว่า มีการถือกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเป็นสวนยางพาราใน อ.พนม อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี และ ใน จ.ชุมพร หลายแปลงด้วยกันมีเนื้อที่รวมกว่า 200 ไร่ ขณะนี้ อดีตเจ้าหน้าที่รายนี้ได้เร่งขายสวนยางพาราเหล่านี้ออกไปอย่างผิดปกติ และยังไม่ปรากฏว่าเงินที่ได้จากการขายสวนยางพาราทั้งหมดนั้นไปเก็บไว้ที่ใด และยังมีเจ้าหน้าที่ปัจจุบันที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเราได้พบหลักฐานการเตรียมการรับมือในเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินเป็นอย่างดี มีการทำบัญชีจดบันทึกการใช้จ่าย การครอบครองทรัพย์สินต่างๆ อย่างละเอียดมาตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน ก่อนที่เรื่องจะแดงขึ้น” ฝ่ายสืบสวนรายนี้กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางมายังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวน 11 คน ตั้งแต่วานนี้ (7 พ.ค.) และได้เปิดแถลงข่าวในห้องประชุมชั้น 3 ของอาคารที่ทำการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งในการแถลงข่าวนั้น ได้มีการสอบถามผู้สื่อข่าวถึงสำนักที่ตัวเองสังกัดแบบเรียงตัว พร้อมกันนั้น ได้สั่งการให้ 11 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ต้องสงสัยมาอยู่ในห้องประชุมด้วย

และได้พบปะเห็นหน้าผู้สื่อข่าวที่มาติดตามข่าวในเรื่องทุกราย พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพผู้สื่อข่าวไว้ทุกคนอีกด้วย มาในวันนี้ทำให้ผู้สื่อข่าวหลายคนวิตกถึงความปลอดภัยเนื่องจากเกรงว่า ทั้งภาพถ่าย และการรู้จักหน้าค่าตากันเมื่อวานนี้ โดยได้หารือถึงเรื่องนี้กับ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช อย่างเร่งด่วนแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวน ภายหลังจากการประชุมนายตำรวจระดับหัวหน้าสถานีว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งถอดข้อมูลจากโทรศัพท์กว่า 300 เครื่อง ยังคงต้องใช้เวลาข้อมูลที่ดึงมาจากซิมการ์ดโทรศัพท์แต่ละเครื่องขณะนี้เราได้เพียง 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง และเจ้าหน้าที่เทคนิคของบริษัทเอกชนที่มาช่วยเหลือตำรวจเขาก็กลับไปแล้ว ซึ่งตนได้ประสานขอให้เขาลงมาช่วยเหลือตำรวจอีกรอบ

ขณะนี้ ต้องรออนุมัติพาสเวิร์ดเพื่อถอดรหัสล้วงลึกไปในโทรศัพท์บางรุ่นซึ่งใช้เวลาอีกประมาณ 2 สัปดาห์ และตอนนี้ต้องรอทางเลขาธิการ ป.ป.ส.อนุมัติจัดซื้อเครื่องมือถอดข้อมูลมาสนับสนุนก็จะทำการให้ทำงานของเราเร็วขึ้น และมันจะได้ประโยชน์ตรงที่เราสามารถที่จะดึงโทรศัพท์อีกจำนวนมากที่ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตรวจยึดมาเก็บไว้เราก็จะขอโทรศัพท์เหล่านั้นมาแกะข้อมูลเพิ่มเติมด้วย ผมได้เรียนหารือกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เลขาธิการ ป.ป.ส.ถ้าเราได้ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือเหล่านี้ได้ เชื่อว่าทำให้รู้การเชื่อมโยงเครือข่ายการค้ายาเสพติดในประเทศไทยที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายเหล่านี้เกินครึ่งประเทศแน่นอน

ส่วนที่ช้าได้เพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนของการถอดรหัสซิมการ์ดนั้นนักโทษจะล็อกรหัสซิมการ์ดไว้ เราต้องทำเรื่องไปขอร่วมมือจากทางบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ แต่ทางบริษัทยังไม่ตอบมา ทำให้ล่าช้ามากในการทำงานหาข้อมูลจากซิมการ์ดโทรศัพท์” ผบก.นครศรีธรรมราช กล่าว

พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ยังกล่าวต่อว่า ไม่ใช่แก้ปัญหาวงจรการค้ายาเสพติดในเรือนจำอย่างเดียว ซึ่งมีแนวคิดที่จะพยายามให้นครศรีธรรมราชโมเดล นอกจากเรื่องวงจรการค้ายาเสพติดในเรือนจำเราก็จะสู้เรื่องดีมานด์คือ เรื่องความต้องการของตัวยาของพื้นที่ ซึ่งมีปริมาณค่อนข้างมากติดอันดับต้นๆ ของประเทศเราจะสู้กันว่าจะแก้กันอย่างไร ซึ่งตนมีแนวคิดที่จะจัดตั้งสมัชชาพลังแผ่นดินต่อต้านยาเสพติดในระดับหมู่บ้าน และให้มีการเลือกตั้งคณะทำงานชุดนี้ขึ้นมาเองเพื่อให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนช่วยลดความต้องการของยาเสพติด

ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ยังกล่าวถึงเรื่องการจัดชุดตำรวจขยายผลจากโทรศัพท์มือถือและเอกสารในสมุดบันทึกต่างๆ เป็นเรื่องใหญ่กว่า เพราะหลังจากนี้จะต้องมีชุดพิสูจน์ทราบข้อมูลในทางราบก็คือ เมื่อเราขยายผลว่ามีเลขบัญชีของเครือข่ายยาเสพติดที่เชียงราย หรือมีบ้านที่ไหนเราก็ต้องตรวจสอบขยายผลไปตามไปยึดทรัพย์ให้ถึงที่กันเลย และขอบอกว่า การออกหมายจับเร็วไม่ได้มีประโยชน์ คือ 1.ประสิทธิภาพของสำนวนก็ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ 2.การยึดทรัพย์ซึ่งเป้าหมายที่เราต้องการยึดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องในเรื่องยาเสพติด ถ้าเราไม่สืบทรัพย์ก่อน เพราะเราจับเขารู้ตัวเขาก็ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินก็กลายเป็นว่ายึดทรัพย์ไม่ได้ หรือได้น้อย เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ต้องรอกระบวนการตัวอย่างคือที่ จ.สุรินทร์ โทรศัพท์ 70 กว่าเครื่องใช้เวลาถึงกว่า 2 เดือนกว่าจะออกหมายจับรายแรกได้

“ที่นครศรีธรรมราช เวลาผ่านแค่ครึ่งเดือนยังอยู่ในขั้นตอน คนไหนที่ชัดเจนจะออกหมายจับกันก่อน แต่ก่อนจะออกหมายจับตนจะต้องคุยกับทาง ผบ.เรือนจำนครศรีธรรมราชเพื่อขอข้อมูลท่านมาประกอบ ส่วนการยึดทรัพย์นั้นโดยหลัก กม.ทั้ง พ.ร.บ. มาตรการยึดทรัพย์ปี 2534 และ กม.ฟอกเงินก็สามารถติดตามยึดทรัพย์ได้แน่ถ้าโอนทรัพย์ไปโดยไม่สุจริตสามารถตามยึดทรัพย์คืนมาได้ไม่มีปัญหา ผมเชื่อว่าเขาคงทำการยักย้ายถ่ายเทกันแล้วคือเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินไม่ให้ติดชื่อตัวเองเลย แต่มั่นใจว่าเราจะสามารถยึดทรัพย์ทั้งเจ้าหน้าที่และนักโทษเหล่านี้ได้ แต่อาจจะใช้ความยากลำบากมากในการยึดทรัพย์เพราะพวกนี้คงจะสู้คดีแน่นอนถ้าเป็นชื่อคนอื่น

ส่วนเจ้าหน้าที่นั้น การสอบสวนหากโยงไปถึงอาจมีเพิ่มมากกว่า 11 คนแน่นอน ซึ่งอยู่ในฐานสมคบ หรือสนับสนุน ส่วนมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยให้สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวเรื่องนี้ หากใครรู้ตัวจะเกิดความไม่ปลอดภัยขึ้นก็สามารถแจ้งมายังตนเพื่อขอความคุ้มครองมายังตนได้ ซึ่งตนพร้อมที่จะให้ความคุ้มครองสื่อมวลชนอย่างเต็มที่” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น