อธิบดีศาลอาญาแจง “อากง” ขอถอนอุทธรณ์ ทำให้คดีถึงที่สุดเพื่อหวังขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะเห็นว่าคงไม่ได้ประกันตัวแล้ว ส่วนจะตั้งศพ รดน้ำศพบริเวณหน้าศาลสามารถทำได้ แต่อย่าเข้ามาภายในรั้ว ส่วนผลชันสูตรศพพบว่าเป็นมะเร็งตับและลุกลามไปยังลำไส้
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังญาตินายอำพล ตั้งนพกุล หรืออากง อายุ 61 ปี จำเลยในคดีดูหมิ่นเบื้องสูง ที่เสียชีวิตในเรือนจำ รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงได้แสดงความเคลื่อนไหวพร้อมชูป้ายมีข้อความทำนองเป็นการทวงถามว่าใครฆ่าอากง ที่ริมทางเท้าหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าคดีนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้ว จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาและยื่นขอประกันตัวชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลอาญาส่งคำร้องขอประกันตัวให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาสั่งว่าจะอนุญาตหรือไม่ แต่ระหว่างการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ดังกล่าว จำเลยได้ยื่นขอประกันตัวต่อศาลฎีกาอีก โดยศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวไปเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2555 จำเลยคงคิดว่าไม่มีโอกาสได้ประกันอีกแล้ว จำเลยจึงได้ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2555 เนื่องจากจำเลยประสงค์จะใช้สิทธิยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษได้ต่อเมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาศาลอาญาออกหมายคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 ดังนั้นเมื่อคดีถึงที่สุด จำเลยก็ไม่สามารถยื่นประกันตัวอีกได้
อธิบดีศาลอาญากล่าวว่า ดังนั้นตัวนายอำพลจึงอยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีการให้การรักษาพยาบาลนักโทษของเขาอยู่แล้ว หากจะนำตัวมารักษาข้างนอกก็อาจทำได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ควบคุม ต่อมาเมื่อนายอำพลเสียชีวิตไม่ว่าด้วยสาเหตุใด ก็ถือว่าตายในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ซึ่งตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150-156 กำหนดให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องไต่สวนชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการตาย ซึ่งอาจจะมีการพิจารณาคดีนี้ในศาลอาญาอีกครั้ง
นายทวียังกล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงจะมาทำพิธีรดน้ำศพนายอำพล ที่ริมทางเท้าหน้าศาลอาญาว่า ได้ประสานงานกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อยให้แล้ว โดยเห็นว่าการชุมนุมหน้าศาลอาญา หากจะกระทำก็ทำได้แต่ขอให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย เพราะศาลเป็นสถานที่ราชการ ขอเพียงอย่านำศพเข้ามาในเขตศาล หากจะรดน้ำศพ สวดศพ ก็ขออย่าเกินวันนี้ (9 พ.ค.) เพราะวันรุ่งขึ้นศาลก็เปิดทำการ รถจะติด และถ้ายืดเยื้อก็อาจเกิดความไม่สงบหรือมีการแทรกแซง อาจทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปได้ อย่างไรก็ตาม ได้ให้ผู้เกี่ยวข้องประสานไปยังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ช่วยประสานงานในเรื่องนี้แล้ว
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา นางรสมาลิน ตั้งนพคุณ หรือป้าอุ๊ พร้อมด้วยลูกและญาติ รวมถึงคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งเดินทางมารับศพนายอำพล ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
นางรสมาลินกล่าวว่า เดินทางมารับศพสามีเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดด่านสำโรง จ.สมุทรปราการ เนื่องจากสามีได้สั่งเสียไว้ก่อนเสียชีวิตว่าให้นำศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดนี้ เนื่องจากเป็นห่วงลูกหลาน และยังไม่ได้กำหนดวันฌาปนกิจศพ ส่วนถามว่าโกรธแค้นอะไรหรือไม่ โกรธที่โชคชะตาทำให้เป็นแบบนี้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าเป็นอุทาหรณ์ที่ดีที่จะนำศพไปรดน้ำศพที่ศาลอาญา เพื่อให้เห็นความสำคัญของการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าสมควรปล่อยนักโทษที่เจ็บป่วยหนักให้ออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ
“หลังจากนี้เมื่อทราบผลชันสูตรเสร็จเรียบร้อยจะนำศพออกจากสถาบันนิติเวชพร้อมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งนำโดย รศ.ดร.สุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะวิชาอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการเคลื่อนไหวให้แก้กฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อแห่ศพจากสถาบันนิติเวช ตำรวจ เพื่อไปทำพิธีรดน้ำศพที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษกต่อไป” นางรสมาลินกล่าว
สำหรับการชันสูตรศพนายอำพล พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รรท.ผบก.นต. ได้มีคำสั่งการตั้งคณะกรรมการชันสูตรพลิกศพ ประกอบด้วย พล.ต.ต.นพ.ณรงศักดิ์ เสาวคนธ์ รองนายแพทย์ใหญ่ (สบ 7) เป็นที่ปรึกษา พ.ต.อ.ภวัต ประทีปวิศรุต นายแพทย์ (สบ 5) พ.ต.อ.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ นายแพทย์ (สบ 4) และพ.ต.ต.เอกสิทธิ์ หงส์แก้ว นายแพทย์ (สบ 2) เป็นกรรมการและผู้ผ่าชันสูตร โดยมี นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นพ.พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล และนพ.กิติภูมิ จุฑาสมิต ผู้ร่วมสังเกตการณ์การชันสูตรศพ
ทั้งนี้ พ.ต.อ.สุพล จงพาณิชย์กุลธร นพ.(สบ 5) ในฐานะโฆษก รพ.ตำรวจ เปิดเผยผลการชันสูตรศพว่า ผู้เสียชีวิตเป็นมะเร็งที่ตับ และกระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้มีภาวะการหายใจที่ล้มเหลว อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าชันสูตรศพต้องรอผลการตรวจชิ้นเนื้อประกอบด้วย
นพ.เชิดชัยกล่าวภายหลังการชันสูตรศพว่า จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย ขณะที่การผ่าชันสูตรศพภายในช่องท้องพบเนื้องอกบริเวณตับ ซึ่งได้ลุกลามยังลำไส้และปอดด้านขวา มีน้ำในช่องท้องจำนวนมาก มีอาการสมองตายเล็กน้อย ซึ่งอาจพอสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของนายอำพลได้ว่าน่าจะมาจากมะเร็งระยะสุดท้าย แต่จะเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในทันทีคงไม่สมารถบอกได้ อย่างไรก็ตาม การสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการต้องรอแพทย์นิติเวชเป็นผู้สรุป ทั้งนี้ ได้มีการส่งตัวอย่างชิ้นเนื้อ เลือด อาหารในกระเพาะอาหาร น้ำในช่องท้อง และปัสสาวะ ไปตรวจทางพิษวิทยาว่ามีสารพิษหรือไม่ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์
นพ.เชิดชัยกล่าวต่อไปว่า ได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาการป่วยของนายอำพลน่าจะเป็นมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แพทย์ของ รพ.ราชทัณฑ์น่าจะมีการตรวจรักษา ไม่น่าจะปล่อยให้เป็นเรื้อรังจนลุกลาม ซึ่งเป็นเรื่องของมนุษยธรรม เพราะนักโทษก็เป็นมนุษย์ควรได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ กรณีของนายอำพลนั้นมองว่าเป็นความบกพร่องในระบบการทำงาน ซึ่งแพทย์ต้องรักษาตามหลักวิชาการ หากเห็นว่ารักษาไม่ได้ หรือต้องใช้เครื่องมือตรวจพิเศษต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาภายนอก ส่วนประเด็นที่ว่ากลัวผู้ต้องขังจะหลบหนีเรื่องนี้สามารถควบคุมได้ ซึ่งเรื่องนี้จะยื่นกระทู้ถาม รมว.กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้มีการปรับปรุงต่อไป
“เราต้องแยกกันให้ออกระหว่างมนุษยธรรมกับเรื่องคดี หากผู้ต้องขังถูกตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งก็ควรได้รับการประกันตัวเพื่อมารักษาภายนอก นอกจากนี้ กรณีของนายอำพลเท่าที่ดูไม่พบร่องรอยการดำเนินการใดๆ ของแพทย์ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการกู้ชีพ หรือช่วยเหลือ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นปัญหาในหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะการดูแลผู้ต้องขังที่จะต้องปรับปรุง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ได้มีการเคลื่อนศพนายอำพลออกจากสถาบันนิติเวชวิทยา เพื่อไปทำพิธีรดน้ำศพ และสวดพระอภิธรรมศพที่ด้านหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เป็นเวลา 1 คืน จากนั้นจะเคลื่อนศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลต่อที่วัดด่านสำโรง อ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการต่อไป
สำหรับบรรยากาศการที่หน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 200 คน ได้มาร่วมไว้ทุกข์และรดน้ำศพอากง ซึ่งมีการตั้งศพภายในเต็นท์ริมถนน หน้าศาลอาญา โดยเมื่อช่วงเวลา 16.00 น.มีการสวดพระอภิธรรมศพ โดยนิมนต์พระสงฆ์จากวัดลาดพร้าว 4 รูป มาสวดอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ทั้งนี้จะมีการสวดอภิธรรมศพอีกครั้ง เมื่อเวลา 19.00 น.
หลังจากนั้นได้มีการขึ้นกล่าวปราศัยของนักวิชาการของกลุ่ม ครก.112 ,กลุ่ม24มิถุนายนรวมทั้ง ส.ส.เสื้อแดง รวมทั้งสื่อมวลชน จาก วอยส์ทีวี ที่ทยอยมาร่วมงาน เช่น นาง พวงทอง ภวัครพันธุ์ อ.คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ นายจรัล ดิษฐาอภิชัย แกนนำนปช. จ.ส.ต. ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส. สุรินทร์เพื่อไทย และนางลักขณา ปันวิชัย หรือคำผกา นักเขียนคอลัมภ์ชื่อดัง
กระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น. นางพวงทอง ขึ้นกล่าว เวทีปราศรัยว่า เรื่องการเสียชีวิตของอากงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะอายุเยอะแล้วและมีโรคประจำตัว และตนก็เคยลงชื่อร่วมประกันตัวอากง แต่ไม่ได้รับความเมตตา ชี้ให้เห็นว่า เมื่อระบบความยุติธรรมของไทยมาเจอกับคดีการเมืองก็หมดค่า และก่อนหน้านี้ตนได้เปิดล่ารายชื่อประชาชนในการเสนอยื่นขอแก้กฏหมาย มาตรา112 และตอนนี้ครบตามจำนวนขั้นต่ำที่กฏหมายระบุไว้แล้ว ซึ่งจะมีการนัดประชุมตอนสิ้นเดือนนี้ จากนั้นจะนำรายชื่อไปยื่นที่รัฐสภาอีกที
ขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรมออกประกาศ "เนื่องจากมีการชุมนุมที่บริเวณริมถนนด้านหน้าอาคารศาลอาญา สำนักงานศาลยุติธรรมจึงขอความร่วมมือจากประชาชนที่มาติดต่อราชการศาลยุติธรรมบริเวณถนนรัชดาภิเษก ได้แก่ ศาลอาญา ศาลแพ่ง ศาลอุทธรณ์ ศาลภาาษีอากรกลาง ศาลแขวงพระนครเหนือ และสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ให้ใช้ประตูเข้าออกด้านหน้าอาคารศถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมเพียงประตูเดียว จนกว่าสถานการณ์การชุมนุมจะคลี่คลาย"