xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาอีสานร้องถูกนายทุนหน้าเลือดโกงที่ดิน!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

กลุ่มชาวนาใน 3 จังหวัดภาคอีสานรวมตัวเข้าร้อง ตร.กองปราบ
กลุ่มชาวนาใน 3 จังหวัดภาคอีสาน รวมตัวเข้าร้องกองปราบ ให้ช่วยดำเนินการกับนายทุนหน้าเลือดโกงที่ดินทำกิน ภายหลังไปกู้ยืมเงินมาลงทุนทำนาข้าว โดยเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันแต่ไม่มีการทำสัญญา พอจะจ่ายหนี้กลับคิดต้นและดอกสูง แถมโฉนดที่ดินกับถูกขายทอดตลาด จนทำให้ไม่มีที่ทำกิน ครั้นไปหว่านข้าวในที่นา กลับถูกจับดำเนินคดีข้อหาบุกรุก จึงต้องรวมตัวมาร้องทางกองปราบให้ช่วยติดตาม

วันนี้ (22 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองปราบปราม กลุ่มชาวบ้านใน 3 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.ศรีสะเกษ จ.สุรินทร์ และ จ.ร้อยเอ็ด รวม 37 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รองผบก.ป.เพื่อร้องทุกข์กรณีถูกนายทุนฉ้อโกงที่ดินทำกิน

นางจันที โพธิ์หนองนา อายุ 69 ปี ชาว ต.หนองบัวดง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อปี 2536 ได้ไปกู้ยืมเงินจากนายทุนในพื้นที่ จำนวน 30,000 บาท เพื่อนำมาซื้อปุ๋ย และลงทุนทำนาข้าว โดยต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน ซึ่งนายทุนคนดังกล่าวได้ให้วางโฉนดที่ดินจำนวน 13 ไร่ค้ำประกันไว้ และไม่ได้มีการเขียนสัญญากันแต่อย่างใด จากนั้นก็จ่ายดอกเบี้ยเรื่อยมา กระทั่งปี 2544 จึงติดต่อขอจ่ายหนี้ที่ติดค้างไว้ แต่นายทุนคนดังกล่าวอ้างว่าต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยถึง 100,000 บาท จึงขอต่อรองและจ่ายเงินไป 70,000 บาท และนึกว่าเรื่องคงจบ แต่เมื่อ 2554 เจ้าหน้าที่จากกองบังคับคดีได้มาแจ้งให้ตนและครอบครัวย้ายออกไปจากพื้นที่ เพราะที่ดินดังกล่าวได้ขายทอดตลาดไปแล้วจำนวน 440,000 บาท โดยตนทราบว่าคนที่ซื้อไป ก็คือ ลูกของนายทุนคนดังกล่าวนั่นเอง

“หลังจากเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีมาไล่ให้ออกจากที่ดิน ยายและครอบครัวก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะไม่มีบ้าน ไม่มีที่ทำกินอีกแล้ว จึงได้ไปหว่านข้าวในที่นาของตัวเอง แต่ก็ถูกตำรวจมาจับกุมยาย และครอบครัว รวม 5 คน ในข้อหาบุกรุก ถูกขัง 1 อาทิตย์ ก่อนที่เพื่อนบ้านช่วยกันนำที่ดินไปจำนองในราคา 430,000 บาท ประกันตัวออกไป ทั้งนี้ อยากให้ตำรวจกองปราบช่วยยายและชาวบ้านที่เดือดร้อนด้วย เพราะที่ผ่านมาได้ร้องเรียนมาหลายหน่วยงานแล้วแต่คดีกลับเงียบหาย ไม่รู้จะไปพึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ไหนแล้ว” นางจันที กล่าวเสียงเครือ

นางไข ประกอบนา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมุ่ที่ 6 ต.หนองบัวดง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อปี 2536 ได้ไปหยิบยืมเงินนายทุนคนดังกล่าวในพื้นที่จำนวน 20,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน โดยนำโฉนดที่ดินไปวางค้ำประกันไว้ แต่ไม่ได้มีการทำหนังสือกู้ยืมเงินแต่อย่างใด เงินที่ได้นำไปซื้อปุ๋ยเพื่อปลูกข้าว ต่อมาเมื่อปี 2541 ตนได้ไปจ่ายหนี้ที่ติดค้างอยู่ ซึ่งนายทุนคนดังกล่าวยังอ้างว่าเมื่อปี 2539 ตนได้ไปยืมเงินมาอีก 30,000 บาท ทั้งๆ ที่ตนไม่รู้เรื่องเลย ซึ่งจะต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอกเบี้ยรวม 170,000 บาท แต่ก็ขอลดหนี้และจ่ายไป 60,000 บาท นายทุนคนดังกล่าวจึงให้โฉนดที่ดินคืนมา จากนั้นเมื่อปี 2550 นายทุนคนดังกล่าวได้ฟ้องยึดที่ดินและหาว่าตนบุกรุก จากนั้นตนได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ศิลาลาด ในข้อหาฉ้อโกงและปลอมลายเซ็นกับนายทุน แต่คดีไม่คืบหน้าแต่อย่างใด

ส่วน นางทองนวล ภาวัง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ที่ 7 ต.หนองบัวดง อ.ศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เมื่อปี 2537 ได้ไปกู้ยืมเงินจากนายทุนคนดังกล่าวจำนวน 15,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน โดยนำโฉนดที่ดิน 2 ไร่ ไปวางค้ำประกันไว้ เพื่อนำเงินมาเป็นทุนในการทำนา ต่อมาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้นำเงินไปจ่ายหนี้ปรากฏว่า ทั้งต้นทั้งดอกรวม 60,000 บาท จึงได้จ่ายเงินไป นึกว่าเรื่องจบแล้ว ต่อมาเมื่อปี 2550 ปรากฏว่า ที่ดินของตนถูกขายทอดตลาด และถูกแจ้งข้อหาบุกรุกอีกด้วย ซึ่งตนตกใจมากเพราะคิดว่าเรื่องคงจบไปตั้งแต่จ่ายเงินแล้ว จึงรวมตัวมาแจ้งความที่ บก.ป.ดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ได้ให้พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป.รับเรื่องไว้ จากนั้นได้ทำการสอบปากคำชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว เพื่อส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น