xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของร้านมือถือร้อง ป.ถูกมาเฟีย อ้างเป็นทหารรุมแทงสาหัสคดีไม่คืบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สองผัวเมียเจ้าของร้านมือถือหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ร้องกองปราบ ถูกชายอ้างเป็นทหารรุมแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่คดีไม่คืบ แถมอ้างเป็นลูกน้อง ป.ประตูน้ำ เผย ปมขัดแย้งจากร้านมือถือ ที่คู่กรณีร้องทางห้างขอขายมือถือเหมือนกัน แต่ทางห้างไม่ยอม จึงเกิดเรื่องรุมทำร้ายและโทร.ข่มขู่

วันนี้ (28 ก.พ.) เมื่อเวลา 16.30 น.ที่ กองปราบปราม นายสุวรรณ เพชรสังคาด อายุ 35 ปี และ น.ส.ณิญากรณ์ เปล่งปัญญารัตน์ อายุ 34 ปี สองสามีภรรยา ผู้ค้าอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์พลาซา ย่านราชประสงค์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นางดวงรัตน์ พูนพณิช น.ส.ปริมฤดี เจริญกำชัย กับพวก ที่ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยภาพถ่ายในขณะเกิดเหตุ มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.ณิญากรณ์ กล่าวว่า ตนกับสามีขายอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่แผงค้าหน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าวมาประมาณ 9 ปี โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานเขตปทุมวัน อย่างถูกต้อง และไม่เคยมีปัญหากับผู้ค้ารายใด กระทั่งคู่กรณีซึ่งมีแผงค้าผลไม้และเสื้อผ้า เห็นว่า สินค้าของตนขายดี จึงอยากขายสินค้าเหมือนของตน แต่ทางห้างไม่ยินยอมให้ขายของเหมือนกัน กระทั่งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2554 เวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีชายฉกรรจ์เข้ามาทำร้ายร่างกายตน โดยใช้เท้าเตะจากด้านหลังถูกเข้าที่หัวไหล่และใบหน้าทางด้านซ้ายได้รับบาดเจ็บจนต้องเย็บแผลถึง 4 เข็ม โดยก่อนที่คนร้ายจะขึ้นจักรยานยนต์ขับออกไป ยังพูดขึ้นว่า “ปากดีนักนะ” แถมยังอ้างว่าเป็นลูกน้อง ป.ประตูน้ำ หลังเกิดเหตุตนได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ปทุมวัน

น.ส.ณิญากรณ์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุครั้งแรก ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา 13.00 น.นางดวงรัตน์ ได้พาชายฉกรรจ์มาอีก 5 คน เข้ามาเจรจากับตนและสามี แต่ก็ไม่ได้ข้อยุติจนต้องประสานให้เจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักงานเขตปทุมวัน เข้ามาไกล่เกลี่ย แต่คล้อยหลังจากนั้นเพียง 1 วัน ก็มีชายอ้างเป็นทหาร 2 นาย ทราบเพียงชื่อที่เขาเรียกว่า “จ่าทอง” และ “สายธาร” เข้ามาหาเรื่องตนกับสามี ก่อนจะมีการต่อสายโทรศัพท์โดยทั้งสองอ้างว่าเป็นทหารยศนายพันนายหนึ่ง พร้อมกับให้สามีได้พูดด้วย โดยปลายสายบอกว่า “จะจบไหม” ซึ่งสามีตนก็บอกไปว่าจบตั้งนานแล้ว มีแต่คู่กรณีที่ไม่ยอมจบ

“จากนั้นก็มีการพูดเกลี่ยกล่อมให้สามีกับฉันยอมเป็นพวกและยอมรับข้อเสนอ ซึ่งสามีกับฉันได้ปฏิเสธไป หลังจากที่เรื่องยังคาราคาซัง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ชายที่ฉันจำได้ว่าน่าจะเป็นทหารได้เข้ามาทำร้ายโดยใช้มีดแทงเข้าที่ราวนมซ้ายและใบหน้า พร้อมกับใช้เท้าเตะจนล้มลง ก่อนจะพยายามแทงซ้ำเป็นจังหวะที่สามีตนเข้ามาช่วย จึงถูกแทงเข้าที่หน้าท้องทะลุลำไส้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ที่ รพ.ตำรวจ” น.ส.ณิญากรณ์ กล่าว

น.ส.ณิญากรณ์ กล่าวอีกว่า ภายหลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บจึงมีการแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ปทุมวัน อีกครั้ง พร้อมกับร้องขอหน่วยงานต่างๆ ทั้ง กทม.และบริษัทเอกชน เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด แต่กลับพบว่า มีแต่กล้องดัมมี่ และไม่มีกล้องตัวไหนบันทึกภาพคนร้ายได้ มีแต่ฝ่ายตนกับญาติที่ถ่ายภาพในระหว่างเกิดเหตุไว้เอง จากนั้นทาง นางดวงรัตน์ มีการติดต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตปทุมวัน และ นายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ส.ก.เขตบางรัก เพื่อมาช่วยเจรจาและจัดการกับปัญหาเรื่องแผงค้าดังกล่าว แต่ที่สุดกลับไม่มีการเดินทางมาตามนัดหมาย เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนกับสามี รู้สึกหวาดกลัว และเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินการของตำรวจท้องที่เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เพิ่งจะเรียกสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานออกภาพสเกตช์คนร้ายไว้ 1 รายเท่านั้น จึงพากันเข้าร้องทุกข์ที่ บก.ป.เพื่อให้ช่วยดำเนินอีกทางหนึ่ง

ด้าน พ.ต.อ.ปิยะ กล่าวว่า ได้สั่งการ ร.ต.อ.จิรายุ ภู่ระหงษ์ พงส.(สบ1) กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้ในเบื้องต้น ก่อนพิจารณาส่งเรื่องให้กับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เจ้าของท้องที่เกิดเหตุดำเนินการต่อไป
นายสุวรรณ เพชรสังคาด และ น.ส.ณิญากรณ์ เปล่งปัญญารัตน์  สองสามีภรรยา ผู้ค้าอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือร้องกองปราบฯ ถูกทำร้ายร่างกายจนสาหัส แต่คดีไม่คืบ


กำลังโหลดความคิดเห็น