เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมเข้ม “โมฮัมหมัด” ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อเหตุระเบิดกลางกรุง เจ้าตัวมีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา
วันนี้ (20 ก.พ.) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.กก.สายตรวจ 191 บก.สปพ. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน และสายตรวจ 191 ร่วม 20 นาย ควบคุมตัว นายโมฮัมหมัด ฮาซาอี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่สามารถจับกุมตัวได้ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับชี้จุดที่เกิดเหตุ และเส้นทางการหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ให้ นายโมฮัมหมัด ใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ขณะเดินทางไปทำแผน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุธครบมือมาคอยคุ้มกันความปลอดภัย ซึ่ง นายโมฮัมหมัด มีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา โดยได้นั่งรถยนต์ของตำรวจสายตรวจ 191 พร้อมมีรถตำรวจคุ้มกันปิดหัวและปิดท้าย โดยมีการทำแผน 2 จุด
จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยไม่มีการเข้าไปภายในบ้านพัก เพียงให้ผู้ต้องหาชี้จุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน เพราะสภาพบ้านได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด โดยหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นผู้ต้องหาได้นั่งรถแท็กซี่หลบหนีไป ที่แอร์พอร์ตลิงก์ สถานีรามคำแหง
จุดที่ 2 บริเวณแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีรามคำแหง เป็นจุดที่ผู้ต้องหานั่งแท็กซี่มาลง และได้เดินขึ้นมาซื้อตั๋ว เพื่อไปยังปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมได้คาสนามบิน ขณะเตรียมจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเมื่อช่วงเย็นของวันที่เกิดเหตุ (14 ก.พ.) ดังกล่าว ทั้งนี้ ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่แอร์พอร์ตลิ้ง รามคำแหง เจ้าหน้าที่ได้ชี้ไปยังอาคารนาซ่า เวกัส และสอบถามผู้ต้องหาว่ารู้จักสถานที่ดังกล่าวหรือไม่ ซึ่ง นายโมฮัมหมัด ตอบว่า รู้จัก แต่ไม่มีการขึ้นไปบนอาคารดังกล่าว
จากรายงานการทำแผนประกอบคำรับสารภาพใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัว นายโมฮัมหมัด มาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อควบคุมตัวและเตรียมฝากขังศาลต่อไป
วันนี้ (20 ก.พ.) เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.กก.สายตรวจ 191 บก.สปพ. พ.ต.อ.สิทธิภาพ ใบประเสริฐ ผกก.สน.คลองตัน พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน และสายตรวจ 191 ร่วม 20 นาย ควบคุมตัว นายโมฮัมหมัด ฮาซาอี อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่สามารถจับกุมตัวได้ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ พร้อมกับชี้จุดที่เกิดเหตุ และเส้นทางการหลบหนี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ให้ นายโมฮัมหมัด ใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ขณะเดินทางไปทำแผน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาวุธครบมือมาคอยคุ้มกันความปลอดภัย ซึ่ง นายโมฮัมหมัด มีสีหน้าที่เคร่งเครียดตลอดเวลา โดยได้นั่งรถยนต์ของตำรวจสายตรวจ 191 พร้อมมีรถตำรวจคุ้มกันปิดหัวและปิดท้าย โดยมีการทำแผน 2 จุด
จุดที่ 1 บ้านเลขที่ 66 ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น โดยไม่มีการเข้าไปภายในบ้านพัก เพียงให้ผู้ต้องหาชี้จุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน เพราะสภาพบ้านได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด โดยหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นผู้ต้องหาได้นั่งรถแท็กซี่หลบหนีไป ที่แอร์พอร์ตลิงก์ สถานีรามคำแหง
จุดที่ 2 บริเวณแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีรามคำแหง เป็นจุดที่ผู้ต้องหานั่งแท็กซี่มาลง และได้เดินขึ้นมาซื้อตั๋ว เพื่อไปยังปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับกุมได้คาสนามบิน ขณะเตรียมจะเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเมื่อช่วงเย็นของวันที่เกิดเหตุ (14 ก.พ.) ดังกล่าว ทั้งนี้ ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่แอร์พอร์ตลิ้ง รามคำแหง เจ้าหน้าที่ได้ชี้ไปยังอาคารนาซ่า เวกัส และสอบถามผู้ต้องหาว่ารู้จักสถานที่ดังกล่าวหรือไม่ ซึ่ง นายโมฮัมหมัด ตอบว่า รู้จัก แต่ไม่มีการขึ้นไปบนอาคารดังกล่าว
จากรายงานการทำแผนประกอบคำรับสารภาพใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัว นายโมฮัมหมัด มาที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เพื่อควบคุมตัวและเตรียมฝากขังศาลต่อไป
