ดีเอสไอฟันเลขาฯ สกสค.ฮั้วประมูลจัดพิมพ์สมุด 31 ล้านบาท ยื่น ป.ป.ช.ดำเนินคดีพร้อมบอร์ดบริหารยกชุด หลังจัดจ้างบริษัทเอกชน 3 แห่ง โดยไม่เปิดประมูลขัดมติ ครม.
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ แถลงผลการสอบสวนการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หรือองค์การค้าคุรุสภาเดิม ในการจัดจ้างพิมพ์สมุดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ปี 2554 จำนวน 3,555,555 เล่ม ราคาเล่มละ 9 บาท มูลค่า 31 ล้านบาท หลังคณะกรรมการบริหาร สกสค.ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน 3 แห่ง จัดทำพิมพ์สมุด โดยไม่เปิดประมูล ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสิทธิพิเศษที่ให้โรงพิมพ์ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ หากต้องการจ้างรับช่วงพิมพ์งานต้องเปิดประมูลแข่งขันราคา อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือฮั้วประมูล
นายธาริตกล่าวว่า สืบเนื่องจากนายอารีย์ สืบวงศ์ ประธานสหภาพแรงงานองค์การของคุรุสภา ได้มีหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างขององค์การค้าของ สกสค. เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรี เรื่องสิทธิพิเศษ โดยกระทำการจัดซื้อจัดจ้าง โดยไม่มีการสอบราคาหรือประกวดราคา แต่กลับมีการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ซึ่งไม่เป็นการแข่งขันทางการค้าโดยเสรี อันเป็นการฮั้วประมูล และเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องทำให้องค์การของ สกสค. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐเสียหายอย่างมาก นอกจากนี้ตนได้มอบหมายให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอสอบสวนการว่าจ้างองค์การของ สกสค. จัดพิมพ์งานเฉพาะปี 2550 ที่มีวงเงินประมาณ 208 ล้านบาท ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่
ด้าน นายธานินทร์กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ได้ว่าจ้างองค์การค้าของ สกสค. หรือโรงพิมพ์คุรุสภาเดิม จัดพิมพ์สมุดจำนวน 3,555,555 เล่ม ราคาเล่มละ 9 บาท รวมเป็นเงิน 31,999,995 บาท แต่องค์การค้าของ สกสค.โดยนายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค.กับพวกบอร์ดอีก 11 คน ได้นำงานพิมพ์สมุดดังกล่าวไปจ้างบริษัทเอกชน 3 แห่ง ดำเนินการพิมพ์แทน โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อมติ ครม. เรื่องสิทธิพิเศษของโรงพิมพ์ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่กำหนดว่า กรณีโรงพิมพ์ที่อยู่ในความควบคุมของส่วนราชการมีงานมากเกินไป ให้ส่งงานพิมพ์ให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจอื่นช่วยพิมพ์ โดยให้จ้างพิมพ์โดยวิธีสอบราคา หรือประกวดราคา ตามระเบียบพัสดุโดยให้แจ้งโรงพิมพ์ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่นทราบ เพื่อเข้าร่วมแข่งขันราคาด้วย
รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า จากการสอบสวนข้อเท็จจริงพบว่า สกสค.ได้ว่าจ้างทำสัญญากับบริษัทเอกชนมารับเหมาช่วงพิมพ์สมุดแทน โดยไม่มีการเปิดประมูล อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 โดยมุ่งหมายไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เข้าทำการเสนอราคาให้เป็นผู้มีสิทธิให้ทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ นอกจากนี้ยังพบว่า กรณีที่ สกสค.ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนพิมพ์สมุดในราคาเล่มละ 9 บาท สูงกว่าราคากลางที่ สตง.ระบุว่าราคาสมุดอยู่ที่เล่มละ 6 บาท ทั้งนี้ หากมีการเปิดประมูลแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมจะทำให้ อบจ.ประหยัดงบประมาณได้อย่างน้อย 14 ล้านบาท ดังนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สรุปข้อเท็จจริงส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนตามกฎหมาย เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีเองได้ และแจ้งให้ รมว.ศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานกำกับดูแลองค์การ สกสค.ทราบ พร้อมส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อให้คณะกรรมการสิทธิพิเศษ พิจารณาระงับสิทธิของโรงพิมพ์ขององค์การค้าของ สกสค.ต่อไป
สำหรับบริษัทเอกชนที่ สกสค.จ้างทำสมุด ประกอบด้วย 1. จ้างพิมพ์สมุดตีเส้นไม่รวมปก จำนวน 3,555,555 เล่ม กับบริษัทซี อี ซี ไล้ทติ้ง กรุ๊ป จำกัด วงเงินในสัญญา 13,695,997 บาท 2. จ้างพิมพ์ปกสมุด จำนวน 3,555,555 ปก กับบริษัท เอส.อาร์.พริ้น แมสโปดักส์ จำกัด วงเงินในสัญญา 2,587,021 บาท และ 3. จ้างเย็บเล่มสมุด จำนวน 3,555,555 เล่ม กับบริษัทบิลเลี่ยน โปรพริ้นติ้ง จำกัด วงเงินในสัญญา 1,493,333 บาท รวมมูลค่าทั้งสิน 17,776,352 บาท ดังนั้น เมื่อพิจารณาวงเงินที่ทาง อบจ.อุดรธานีว่าจ้าง สกสค.เป็นเงิน 31,999,995 บาท แต่องค์การ สกสค.นำงานพิมพ์ดังกล่าวไปจ้างช่วงบริษัทอื่นจัดทำสมุดแทนในราคาต่ำกว่าเป็นเหตุให้ อบจ.อุดรธานี เสียหาย 14,223,642 บาท
