“ภักดี” ยัน กม.ป.ป.ช.ม.103/7-8 ระบุชัด ต้องเปิดราคากลางใน 180 วัน รอ ครม.เห็นชอบ ไม่รู้ถูกค้าน ยันต้องเปิดเผยให้สาธารณชนตั้งคำถาม หากราคาสูงเวอร์ ชี้ จะทำให้โปร่งใส ไม่ค้านกลุ่มก่อสร้างตั้งสถาบันคำนวณราคา
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรีหลายคนคัดค้านข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยราคากลางและวิธีคิดราคากลาง โครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดไว้บนเว็บไซต์ ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริต ว่า ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7-8 เขียนไว้ว่า ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.รายงานต่อ ครม.ให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ ครม.มีมติเห็นชอบ เวลานี้จึงรอเพียงมติ ครม.อย่างเป็นทางการเท่านั้นก็จะเริ่มนับหนึ่ง และหน่วยงานของรัฐต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครม.ไม่เห็นชอบตามมาตรการดังกล่าวได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า กฎหมายบอกแค่ว่าให้ ครม.เห็นชอบ และ ป.ป.ช.ไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่มเรื่องดังกล่าว แต่ ป.ป.ช.ถูกกำหนดโดยกฎหมายให้เป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่กฎหมายออกมาวันที่ 19 เมษายน ซึ่งเราก็ดำเนินการจนแล้วเสร็จ และส่งเข้า ครม.ตั้งแต่เดือนสิงหาคม จึงถือว่าเป็นส่วนของการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนมติ ครม.ว่าอย่างไรตนยังไม่เห็น ตนไม่ทราบ ยังให้ความเห็นอะไรไม่ได้
นายภักดี กล่าวต่อว่า ที่มาของกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7-8 เพราะก่อนหน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อจัดจ้างอะไรจะต้องมีราคากลาง จึงต้องมีหลักเกณฑ์เพื่อให้เปิดเผยราคากลางและวิธีคิดราคากลางนั้น เพื่อให้สาธารณะชนตั้งคำถามได้ เพราะที่ผ่านมามักมีการตั้งราคากลางไว้สูง เบียดบังเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น ถ้ามีหน่วยงานของรัฐใดต้องการซื้อลิฟต์ซักตัว แล้วปรากฎว่ามีการตั้งราคากลางไว้สูงมากๆ สาธารณชนก็อาจจะสอบถามไปยังหน่วยงานของรัฐนั้นๆว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือว่ามีบางส่วนของลิฟท์ที่ต้องเลี่ยมด้วยทองทั้งหมดก็ตอบได้ เป็นต้น
เมื่อถามว่า เราสามารถแก้ไขระเบียบในส่วนของการเปิดเผยราคากลางได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ในหลักการกฎหมายกำหนดว่าให้เปิดเผยราคากลาง ส่วนรายละเอียดว่าให้เปิดเผยอย่างไร จะต้องมีอะไรบ้าง ตรงนั้นเป็นส่วนที่เรามากำหนดในหลักเกณฑ์ เพราะฉะนั้นตัวหลักการเปลี่ยนไม่ได้ เว้นแต่ไปแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การเปิดเผยราคากลางเราสามารถกำหนดได้หรือไม่ว่าเปิดเผยหลังจากการยื่นซอง แล้วหรืออะไร นายภักดี กล่าวว่า การเปิดเผยหมายถึงว่า เวลาที่เราจะมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างปกติหน่วยงานก็จะมีการกำหนดราคา กลางและในการกำหนดราคากลางนั้นเรามีหลักการในการคำนวณอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการระบุให้ชัดเจน ต้องมีการเปิดเผยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ เพราะถ้ามีข้อสังเกตอะไรก็จะได้สอบถามและตั้งคำถามได้ว่าทำไมราคาสูงเกินไป หรือผิดปกติ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมายที่ต้องการ เพื่อจะป้องกันปัญหาการทุจริต เพราะที่ผ่านมามีการตั้งคำถามว่ามีการกำหนดราคากลางสูงเกินไป และทำให้เกิดส่วนต่างซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตัวหรืออื่นๆ
เมื่อถามว่า มีรัฐมนตรีบางคนคัดค้านว่าอาจจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ เพราะว่าอาจจะมีผู้ที่เสนอราคากลางถูกกว่า นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าใครพูดว่าอย่างไร ตนแค่อธิบายให้ฟังถึงหลักการของกฎหมายว่าเป็นอย่างนี้
เมื่อถามว่า ตามมติ ครม.ในประเด็นที่ระบุว่าให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามภายใน 180 วัน ทางรัฐมนตรีบางคนบอกว่าเป็นการบังคับรัฐบาลมากเกินไป นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าใครพูดว่าอย่างไร ขอดูมติ ครม.ก่อนถึงจะให้ความเห็นได้
เมื่อถามว่า ในอนาคตถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่ระบุว่าออกเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จะสามารถเข้าไปแก้ไขได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ตามมาตรา 103/7 นั้น มี 2 ส่วน คือ ส่วนของการเปิดเผยราคากลางที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐให้มีการจัดซื้อจัดจ้าง และอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของการแสดงบัญชีรับ-จ่าย ในกรณีคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐโดยภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างจะจัดตั้งสถาบันในการคิดคำนวณราคากลาง ป.ป.ช.จะสนับสนุนแนวคิดนี้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เรามีมาตรฐานที่ชัดเจนและสามารถยอมรับได้ก็เป็นเรื่องที่ดี สิ่งที่เป็นปัญหา ก็คือว่า ถ้าหากการได้มาซึ่งราคากลางไม่มีเหตุมีผล ก็จะเป็นปัญหาของหน่วยงานรัฐที่ไม่สามารถตอบให้สาธารณชนได้ ว่า ทำไมราคากลางถึงสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นเรื่องของความโปร่งใส ดังนั้นอะไรที่ทำให้สิ่งเหล่านี้มีหลักวิชาการมารองรับ อธิบายได้ต้องบอกให้ได้ว่าเป็นอย่างไรตรงไปตรงมา การเปิดเผยก็จะเป็นประโยชน์เพราะจะทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูล
เมื่อถามว่า หากตรวจสอบพบว่าราคากลางไม่เหมาะสม ป.ป.ช.จะทำอะไรได้บ้าง นายภักดี กล่าวว่า เป็นคนละขั้นตอนกัน ขั้นตอนนี้เป็นเพียงตามมาตรา 103/7-8 คือ หน่วยงานมีหน้าที่ต้องเปิดเผยราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนเรื่องความผิดปกติ หรือการร้องเรียนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ นายภักดี โพธิศิริ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีการประชุม ครม.เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรัฐมนตรีหลายคนคัดค้านข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ให้หน่วยงานของรัฐเปิดเผยราคากลางและวิธีคิดราคากลาง โครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมดไว้บนเว็บไซต์ ให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริต ว่า ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7-8 เขียนไว้ว่า ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.รายงานต่อ ครม.ให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ ครม.มีมติเห็นชอบ เวลานี้จึงรอเพียงมติ ครม.อย่างเป็นทางการเท่านั้นก็จะเริ่มนับหนึ่ง และหน่วยงานของรัฐต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ครม.ไม่เห็นชอบตามมาตรการดังกล่าวได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า กฎหมายบอกแค่ว่าให้ ครม.เห็นชอบ และ ป.ป.ช.ไม่ใช่เป็นผู้ริเริ่มเรื่องดังกล่าว แต่ ป.ป.ช.ถูกกำหนดโดยกฎหมายให้เป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่กฎหมายออกมาวันที่ 19 เมษายน ซึ่งเราก็ดำเนินการจนแล้วเสร็จ และส่งเข้า ครม.ตั้งแต่เดือนสิงหาคม จึงถือว่าเป็นส่วนของการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนมติ ครม.ว่าอย่างไรตนยังไม่เห็น ตนไม่ทราบ ยังให้ความเห็นอะไรไม่ได้
นายภักดี กล่าวต่อว่า ที่มาของกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 103/7-8 เพราะก่อนหน่วยงานของรัฐจะจัดซื้อจัดจ้างอะไรจะต้องมีราคากลาง จึงต้องมีหลักเกณฑ์เพื่อให้เปิดเผยราคากลางและวิธีคิดราคากลางนั้น เพื่อให้สาธารณะชนตั้งคำถามได้ เพราะที่ผ่านมามักมีการตั้งราคากลางไว้สูง เบียดบังเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น ถ้ามีหน่วยงานของรัฐใดต้องการซื้อลิฟต์ซักตัว แล้วปรากฎว่ามีการตั้งราคากลางไว้สูงมากๆ สาธารณชนก็อาจจะสอบถามไปยังหน่วยงานของรัฐนั้นๆว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือว่ามีบางส่วนของลิฟท์ที่ต้องเลี่ยมด้วยทองทั้งหมดก็ตอบได้ เป็นต้น
เมื่อถามว่า เราสามารถแก้ไขระเบียบในส่วนของการเปิดเผยราคากลางได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ในหลักการกฎหมายกำหนดว่าให้เปิดเผยราคากลาง ส่วนรายละเอียดว่าให้เปิดเผยอย่างไร จะต้องมีอะไรบ้าง ตรงนั้นเป็นส่วนที่เรามากำหนดในหลักเกณฑ์ เพราะฉะนั้นตัวหลักการเปลี่ยนไม่ได้ เว้นแต่ไปแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า การเปิดเผยราคากลางเราสามารถกำหนดได้หรือไม่ว่าเปิดเผยหลังจากการยื่นซอง แล้วหรืออะไร นายภักดี กล่าวว่า การเปิดเผยหมายถึงว่า เวลาที่เราจะมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างปกติหน่วยงานก็จะมีการกำหนดราคา กลางและในการกำหนดราคากลางนั้นเรามีหลักการในการคำนวณอย่างไร ซึ่งจะต้องมีการระบุให้ชัดเจน ต้องมีการเปิดเผยให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้ เพราะถ้ามีข้อสังเกตอะไรก็จะได้สอบถามและตั้งคำถามได้ว่าทำไมราคาสูงเกินไป หรือผิดปกติ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมายที่ต้องการ เพื่อจะป้องกันปัญหาการทุจริต เพราะที่ผ่านมามีการตั้งคำถามว่ามีการกำหนดราคากลางสูงเกินไป และทำให้เกิดส่วนต่างซึ่งจะทำให้เกิดผลประโยชน์ส่วนตัวหรืออื่นๆ
เมื่อถามว่า มีรัฐมนตรีบางคนคัดค้านว่าอาจจะทำให้รัฐเสียประโยชน์ เพราะว่าอาจจะมีผู้ที่เสนอราคากลางถูกกว่า นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าใครพูดว่าอย่างไร ตนแค่อธิบายให้ฟังถึงหลักการของกฎหมายว่าเป็นอย่างนี้
เมื่อถามว่า ตามมติ ครม.ในประเด็นที่ระบุว่าให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามภายใน 180 วัน ทางรัฐมนตรีบางคนบอกว่าเป็นการบังคับรัฐบาลมากเกินไป นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าใครพูดว่าอย่างไร ขอดูมติ ครม.ก่อนถึงจะให้ความเห็นได้
เมื่อถามว่า ในอนาคตถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่ระบุว่าออกเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา จะสามารถเข้าไปแก้ไขได้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น อย่างไรก็ตาม ตามมาตรา 103/7 นั้น มี 2 ส่วน คือ ส่วนของการเปิดเผยราคากลางที่ดำเนินการโดยหน่วยงานของรัฐให้มีการจัดซื้อจัดจ้าง และอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของการแสดงบัญชีรับ-จ่าย ในกรณีคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐโดยภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างจะจัดตั้งสถาบันในการคิดคำนวณราคากลาง ป.ป.ช.จะสนับสนุนแนวคิดนี้หรือไม่ นายภักดี กล่าวว่า อะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เรามีมาตรฐานที่ชัดเจนและสามารถยอมรับได้ก็เป็นเรื่องที่ดี สิ่งที่เป็นปัญหา ก็คือว่า ถ้าหากการได้มาซึ่งราคากลางไม่มีเหตุมีผล ก็จะเป็นปัญหาของหน่วยงานรัฐที่ไม่สามารถตอบให้สาธารณชนได้ ว่า ทำไมราคากลางถึงสูงผิดปกติ ซึ่งเป็นเรื่องของความโปร่งใส ดังนั้นอะไรที่ทำให้สิ่งเหล่านี้มีหลักวิชาการมารองรับ อธิบายได้ต้องบอกให้ได้ว่าเป็นอย่างไรตรงไปตรงมา การเปิดเผยก็จะเป็นประโยชน์เพราะจะทำให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูล
เมื่อถามว่า หากตรวจสอบพบว่าราคากลางไม่เหมาะสม ป.ป.ช.จะทำอะไรได้บ้าง นายภักดี กล่าวว่า เป็นคนละขั้นตอนกัน ขั้นตอนนี้เป็นเพียงตามมาตรา 103/7-8 คือ หน่วยงานมีหน้าที่ต้องเปิดเผยราคากลางในการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนเรื่องความผิดปกติ หรือการร้องเรียนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
