“เกษม” เผย รอรวบรวมข้อมูลที่แน่ชัดก่อนแถลงข่าวเป็นทางการ ระบุ เหตุการณ์เกิดในช่วงรอยต่อที่ดำรงตำแหน่ง รักษาการ ผอ.อค.สกสค.ก่อนที่ “บำเรอ” อดีต ผอ.อค.สกสค.จะมานั่งเก้าอี้เป็นทางการ ชี้ ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการติดต่อเข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบจัดพิมพ์สมุด ลั่นไม่ทำให้องค์เสื่อมเสียชื่อเสียง ด้าน “สุชาติ” ยังไม่เห็นหนังสือจากดีเอสไอ ย้ำหากมีการทำผิดก็ดำเนินการตามกฎหมาย
จากกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ แถลงผลการสอบสวนการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างขององค์การค้า (อค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หรือองค์การค้าคุรุสภาเดิม ในการจัดจ้างพิมพ์สมุดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ปี 2554 จำนวน 3,555,555 เล่ม ราคาเล่มละ 9 บาท มูลค่า 31 ล้านบาท โดย นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร สกสค.ได้ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน 3 แห่ง จัดทำพิมพ์สมุด โดยไม่เปิดประมูล ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสิทธิพิเศษที่ให้โรงพิมพ์ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ หากต้องการจ้างรับช่วงพิมพ์งานต้องเปิดประมูลแข่งขันราคา อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือฮั้วประมูล ทั้งนี้ ดีเอสไอ จะสรุปข้อเท็จจริงส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนตามกฎหมาย เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีเองได้ และแจ้งให้ รมว.ศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานกำกับดูแลองค์การ สกสค.ทราบ พร้อมส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อให้คณะกรรมการสิทธิพิเศษ พิจารณาระงับสิทธิของโรงพิมพ์ขององค์การค้าของ สกสค.ต่อไป
นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค.กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ และฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะใด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ทั้งนี้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างที่ตนไปทำหน้าที่ รักษาการ ผอ.อค.สกสค.และตนทำหน้าที่รักษาการ ระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่ นายบำเรอ ภานุวงศ์ อดีต ผอ.อค.สกสค.จะมาดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าประมาณ 1 เดือน ทางดีเอสไอ ได้ทำหนังสือส่งมายัง สกสค.แจ้งว่ามีผู้ร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลใน 10 เรื่องโดยระบุว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่ตน ทำหน้าที่รักษาการ ผอ.อค.สกสค.และขอให้ตนส่งเอกสารไปชี้แจง ดังนั้น ตนได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายจัดส่งเอกสารไปให้ตามที่ดีเอสไอแจ้งมา
“ผมไม่มั่นใจว่า ใน 10 เรื่องที่ดีเอสไอ ขอให้ส่งเอกสารข้อมูลไปนั้นมีเรื่องจัดพิมพ์สมุดดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการแทนซึ่งต้องรอสอบถามก่อน และขอรวบรวมหลักฐานที่แน่ชัดก่อนว่าที่ผมเซ็นต์ไปนั้นเป็นอย่างไรแล้วจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมานั้น เกี่ยวกับการเรื่องการตรวจสอบกรณีของการจัดพิมพ์สมุดนั้นผมไม่เคยได้รับการเรียกเข้าไปให้ข้อมูลแต่อย่างใด ทราบเพียงแต่ว่ามีคนอื่นถูกเรียกไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมทำงานมาเป็นเวลานานเป็นเลขาธิการ สกสค.มาถึง 8 ปี เป็นคณะกรรมการ สกสค.กว่า 10 ปี เป็นเรื่องธรรมดาอาจจะมีคนชอบและไม่ชอบ แต่ว่าอีก 4 เดือนก็กำลังจะหมดวาระจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.แล้วก็น่าแปลกใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการร้องเรียนใดๆ เลยทำไมเพิ่งจะมามีเรื่องเวลานี้ แต่ยืนยันว่าชั่วชีวิตนี้ไม่เคยคิดทำไม่ดี หากผมทำผิดจริงทำให้หน่วยงานเสียชื่อเสียงก็พร้อมออก แต่ผมไม่ได้ทำก็จะหาหลักฐานมาพิสูจน์กันต่อไป” นายเกษม กล่าว
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่เห็นหนังสือจากดีเอสไอ แต่กรณีพบการทุจริตนั้นหากมีอะไรที่ต้องดำเนินการให้ถูกกฎหมายตนจะทำ
จากกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รอง ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ แถลงผลการสอบสวนการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างขององค์การค้า (อค.) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) หรือองค์การค้าคุรุสภาเดิม ในการจัดจ้างพิมพ์สมุดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ปี 2554 จำนวน 3,555,555 เล่ม ราคาเล่มละ 9 บาท มูลค่า 31 ล้านบาท โดย นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหาร สกสค.ได้ไปทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชน 3 แห่ง จัดทำพิมพ์สมุด โดยไม่เปิดประมูล ขัดต่อมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องสิทธิพิเศษที่ให้โรงพิมพ์ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ หากต้องการจ้างรับช่วงพิมพ์งานต้องเปิดประมูลแข่งขันราคา อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือฮั้วประมูล ทั้งนี้ ดีเอสไอ จะสรุปข้อเท็จจริงส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนตามกฎหมาย เพราะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถจับกุมดำเนินคดีเองได้ และแจ้งให้ รมว.ศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานกำกับดูแลองค์การ สกสค.ทราบ พร้อมส่งเรื่องให้ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อให้คณะกรรมการสิทธิพิเศษ พิจารณาระงับสิทธิของโรงพิมพ์ขององค์การค้าของ สกสค.ต่อไป
นายเกษม กลั่นยิ่ง เลขาธิการ สกสค.กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังให้เจ้าหน้าที่ และฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในลักษณะใด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ทั้งนี้ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดในปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อระหว่างที่ตนไปทำหน้าที่ รักษาการ ผอ.อค.สกสค.และตนทำหน้าที่รักษาการ ระยะเวลา 1 ปี ก่อนที่ นายบำเรอ ภานุวงศ์ อดีต ผอ.อค.สกสค.จะมาดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าประมาณ 1 เดือน ทางดีเอสไอ ได้ทำหนังสือส่งมายัง สกสค.แจ้งว่ามีผู้ร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบข้อมูลใน 10 เรื่องโดยระบุว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่ตน ทำหน้าที่รักษาการ ผอ.อค.สกสค.และขอให้ตนส่งเอกสารไปชี้แจง ดังนั้น ตนได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายจัดส่งเอกสารไปให้ตามที่ดีเอสไอแจ้งมา
“ผมไม่มั่นใจว่า ใน 10 เรื่องที่ดีเอสไอ ขอให้ส่งเอกสารข้อมูลไปนั้นมีเรื่องจัดพิมพ์สมุดดังกล่าวด้วยหรือไม่ เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการแทนซึ่งต้องรอสอบถามก่อน และขอรวบรวมหลักฐานที่แน่ชัดก่อนว่าที่ผมเซ็นต์ไปนั้นเป็นอย่างไรแล้วจะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ ที่ผ่านมานั้น เกี่ยวกับการเรื่องการตรวจสอบกรณีของการจัดพิมพ์สมุดนั้นผมไม่เคยได้รับการเรียกเข้าไปให้ข้อมูลแต่อย่างใด ทราบเพียงแต่ว่ามีคนอื่นถูกเรียกไปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผมทำงานมาเป็นเวลานานเป็นเลขาธิการ สกสค.มาถึง 8 ปี เป็นคณะกรรมการ สกสค.กว่า 10 ปี เป็นเรื่องธรรมดาอาจจะมีคนชอบและไม่ชอบ แต่ว่าอีก 4 เดือนก็กำลังจะหมดวาระจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.แล้วก็น่าแปลกใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีการร้องเรียนใดๆ เลยทำไมเพิ่งจะมามีเรื่องเวลานี้ แต่ยืนยันว่าชั่วชีวิตนี้ไม่เคยคิดทำไม่ดี หากผมทำผิดจริงทำให้หน่วยงานเสียชื่อเสียงก็พร้อมออก แต่ผมไม่ได้ทำก็จะหาหลักฐานมาพิสูจน์กันต่อไป” นายเกษม กล่าว
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าว และยังไม่เห็นหนังสือจากดีเอสไอ แต่กรณีพบการทุจริตนั้นหากมีอะไรที่ต้องดำเนินการให้ถูกกฎหมายตนจะทำ