“บำเหน็จ” ชี้ อำนาจสั่งโยก ผอ.องค์การค้าฯ ออกนอกพื้นที่เป็นของ เลขาธิการ สกสค.แต่ต้องมีมติบอร์ดรองรับก่อน ไม่สามารถดำเนินการตามใจชอบได้ ด้าน รมว.ศึกษาธิการ ย้ำชัดนโยบายต้องการส่งเสริมคนดี
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีสหภาพองค์การค้า (อค.) สำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบกรณี นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้อำนวยการ อค.สกสค.ทุจริตการขายที่ดิน จำนวน 47 ไร่ จ.สุราษฎร์ธานี การซื้อขายอุปกรณ์การเรียนหนังสือเรียนให้กองทุนครอบครัวข่าว 3 และกรณีการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจโดยมิชอบ พร้อมระบุว่าต้องการคำตอบจาก ศธ.ในวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า จะดำเนินการต่อนายสันติภาพ อย่างไร ว่า เรื่องนี้ได้มอบให้ นายประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งนโยบายของตนชัดเจนแต่ต้นว่าต้องการส่งเสริมคนดี เพราะฉะนั้นใครที่ทำไม่ดีก็ให้เลิกเสีย หรือกรณีใครที่ทำกรรมเก่าแต่ในอดีตซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี มีคนมาร้องเรียนให้ตรวจสอบก็ดำเนินการตรวจสอบให้
ด้านนายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค.ในฐานะกรรมการบอร์ด สกสค.กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ทางสหภาพฯ ระบุว่า ต้องได้คำตอบการดำเนินการกับนายสันติภาพ ในวันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะเรายังไม่ได้รับรายงานที่ครบถ้วนที่ชี้ชัดว่าเขากระทำตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ เช่นเดียวกับการให้ออกจากตำแหน่ง ผอ.อค.สกสค.หรือให้โยกออกจากโรงพิมพ์ อค.สกสค.ชั่วคราวก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน ซึ่งการจะสั่งให้ ผอ.อค.สกสค.โยกออกชั่วคราวนั้นตามกฎหมายเป็นอำนาจของเลขาธิการ สกสค.แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดำเนินการได้ทันที เพราะต้องมีมูลเหตุชี้ชัดว่า นายสันติภาพ เข้าข่ายกระทำผิดจริงและบอร์ด สกสค.มีมติว่าให้โยก นายสันติภาพ ออกจากโรงพิมพ์ชั่วคราวจึงจะสั่งการได้ และถ้าจะยกเลิกสัญญาจ้างก็ต้องเป็นมติของบอร์ด สกสค.ด้วย
“อยู่ๆ จะไปสั่งโยกเขาออกมาแขวนไว้ที่อื่นโดยที่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนชี้ชัดว่าเขาเข้าข่ายผิดไม่ได้ เพราะว่า นายสันติภาพ สามารถฟ้องศาลปกครองได้ ยกเว้นว่าในวันที่ 22 มีนาคม 2555 ที่มีการประชุมบอร์ด สกสค.และคณะทำงานรายงานว่า บริษัทประเมินที่ดินที่ บอร์ด สกสค.ให้ไปจ้างมาตรวจสอบระบุราคาประเมินที่ดินที่จ.สุราษฎร์ สูง มูลค่าสูงกว่า 47 ล้านบาท ที่ นายสันติภาพ ขายไป เช่นนี้จะเข้าข่ายว่านายสันติภาพ ทำให้ อค.สกสค.เสียผลประโยชน์ก็จะต้องถูกตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบ และหากถูกตั้งกรรมกลางมาตรวจสอบแล้วนั้นก็จะมีผลต่อการประเมินการปฏิบัติงานของผอ.อค.สกสค.ในรอบ 6 เดือนระยะที่ 2 ด้วย” นายบำเหน็จ กล่าว
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีสหภาพองค์การค้า (อค.) สำนักงานคณะกรรมการสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้ยื่นเรื่องขอให้ตรวจสอบกรณี นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ผู้อำนวยการ อค.สกสค.ทุจริตการขายที่ดิน จำนวน 47 ไร่ จ.สุราษฎร์ธานี การซื้อขายอุปกรณ์การเรียนหนังสือเรียนให้กองทุนครอบครัวข่าว 3 และกรณีการปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจโดยมิชอบ พร้อมระบุว่าต้องการคำตอบจาก ศธ.ในวันนี้ (9 ก.พ.) ว่า จะดำเนินการต่อนายสันติภาพ อย่างไร ว่า เรื่องนี้ได้มอบให้ นายประแสง มงคลศิริ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ ไปดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งนโยบายของตนชัดเจนแต่ต้นว่าต้องการส่งเสริมคนดี เพราะฉะนั้นใครที่ทำไม่ดีก็ให้เลิกเสีย หรือกรณีใครที่ทำกรรมเก่าแต่ในอดีตซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดี มีคนมาร้องเรียนให้ตรวจสอบก็ดำเนินการตรวจสอบให้
ด้านนายบำเหน็จ ทิพย์อักษร รองเลขาธิการ สกสค.ในฐานะกรรมการบอร์ด สกสค.กล่าวว่า ข้อเรียกร้องที่ทางสหภาพฯ ระบุว่า ต้องได้คำตอบการดำเนินการกับนายสันติภาพ ในวันนี้คงเป็นไปได้ยาก เพราะเรายังไม่ได้รับรายงานที่ครบถ้วนที่ชี้ชัดว่าเขากระทำตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ เช่นเดียวกับการให้ออกจากตำแหน่ง ผอ.อค.สกสค.หรือให้โยกออกจากโรงพิมพ์ อค.สกสค.ชั่วคราวก็ยังทำไม่ได้เช่นกัน ซึ่งการจะสั่งให้ ผอ.อค.สกสค.โยกออกชั่วคราวนั้นตามกฎหมายเป็นอำนาจของเลขาธิการ สกสค.แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดำเนินการได้ทันที เพราะต้องมีมูลเหตุชี้ชัดว่า นายสันติภาพ เข้าข่ายกระทำผิดจริงและบอร์ด สกสค.มีมติว่าให้โยก นายสันติภาพ ออกจากโรงพิมพ์ชั่วคราวจึงจะสั่งการได้ และถ้าจะยกเลิกสัญญาจ้างก็ต้องเป็นมติของบอร์ด สกสค.ด้วย
“อยู่ๆ จะไปสั่งโยกเขาออกมาแขวนไว้ที่อื่นโดยที่ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนชี้ชัดว่าเขาเข้าข่ายผิดไม่ได้ เพราะว่า นายสันติภาพ สามารถฟ้องศาลปกครองได้ ยกเว้นว่าในวันที่ 22 มีนาคม 2555 ที่มีการประชุมบอร์ด สกสค.และคณะทำงานรายงานว่า บริษัทประเมินที่ดินที่ บอร์ด สกสค.ให้ไปจ้างมาตรวจสอบระบุราคาประเมินที่ดินที่จ.สุราษฎร์ สูง มูลค่าสูงกว่า 47 ล้านบาท ที่ นายสันติภาพ ขายไป เช่นนี้จะเข้าข่ายว่านายสันติภาพ ทำให้ อค.สกสค.เสียผลประโยชน์ก็จะต้องถูกตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาตรวจสอบ และหากถูกตั้งกรรมกลางมาตรวจสอบแล้วนั้นก็จะมีผลต่อการประเมินการปฏิบัติงานของผอ.อค.สกสค.ในรอบ 6 เดือนระยะที่ 2 ด้วย” นายบำเหน็จ กล่าว
