ตำรวจเผยภาพผู้ต้องหาก่อการร้ายชาวเลบานอนที่เคยนำภาพสเกตช์ออกมาเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่าเป็นคนละคนกับนายเจมี เปาโล พร้อมสั่งทุกส่วนราชการของตำรวจตรวจสอบ และควานหาตัวทุกพื้นที่
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. และชุดสอบสวน บช.ภ.7 ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ผู้ต้องหาความผิด พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ หลังสามารถขอหมายจับเพื่อนร่วมขบวนการคือนายเปาโล หรือซามิ แซม หรือเจมี เปาโล อายุ 42 ปี ชาวเลบานอนในข้อหาเดียวกันได้เพิ่มเติมเมื่อวานนี้
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.อนุชัย ดำเนินการขอหมายจับเพื่อนร่วมขบวนการนายอาทริสต่อศาลอาญา โดยศาลได้อนุมัติหมายจับนายเปาโล (Paolo)หรือซามิ แซม (Sami Sam) หรือเจมี เปาโล (Jieme Paolo) อายุ 42 ปี ชาวเลบานอน เลขที่ 64/2555 ลงวันที่ 19 ม.ค.ข้อหาร่วมกันครอบครองยุทธภัณฑ์ (แอมโมเนียมไนเตรท) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ได้เพิ่มเติมแล้วแจ้งส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.รณศิลป์ตรวจสอบรายชื่อที่ได้ออกหมายจับว่าได้เดินทางออกนอกประเทศไปหรือยัง พร้อมทั้งมอบหมายให้ พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผบช.สตม. ทำการตรวจสอบรายละเอียดภาพบุคคลที่เดินทางเข้าออกประเทศพร้อมนายอาทริส
สำหรับนายเปาโล หรือซามิ แซม หรือเจมี เปาโล ที่ออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเพื่อนที่เช่าบ้านเดียวกับนายอาทริสที่ย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นคนละคนกับภาพสเกตช์ที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.นำมาแถลง ซึ่งยังไม่ทราบชื่อต้องขอตรวจสอบบุคคลดังกล่าวก่อนว่าเป็นใคร ชื่ออะไรก่อนดำเนินการต่อไป
ส่วนการเข้าตรวจค้นบ้านที่นายอาทริสกับพวกได้เช่าไว้อีกหลังซึ่งอยู่ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าโลตัส จ.สมุทรสาคร เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า เรื่องนี้ได้มอบหมายทาง บช.ภ.7 และ บก.ภ.จ.สมุทรสาคร ให้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่ผู้ต้องหาเข้าพักทั้งหมดในการเดินทางเข้าออกทั้ง 11 ครั้ง ซึ่งบ้านเช่าหลังนี้เป็นบ้านที่นายอาทริส นายเปาโล และเพื่อนร่วมขบวนการเคยมาเช่าไว้ปี 2552 ถึงปลายปี 2553 ก่อนย้ายไปเช่าที่บ้านเข้าไปตรวจพบสารแอมโมเนียมไนเตรทจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบไม่พบอะไร เพราะหลังจากนายอาทริสและเพื่อนย้ายออกไปก็มีผู้มาเช่าต่ออีก 3 ราย จึงไม่เหลือร่องรอยอะไร แต่ก็ได้ทำการสอบปากคำพยานที่อยู่ละแวกนั้นก็พบว่านายอาทริสและนายเปาโลเคยมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่จริง จึงสั่งการให้ดำเนินการสอบสวนขยายผลในพื้นที่ต่อไป
ด้านการดำเนินการตรวจสอบหาที่มาสารแอมโมเนียมไนเตรทที่ตรวจพบที่บ้านเช่านายอาทริสนั้น พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ทั้งในส่วนที่มาและที่จะไปส่ง ซึ่งทางตำรวจมีหลักฐานพอสมควร แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวนการสอบสวนจึงไม่สามารถเปิดเผยได้ เกรงว่าส่งผลกระทบต่อรูปคดี
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า จุดประสงค์ของนายอาทริสที่เข้ามาประเทศเป้าหมายในการส่งวัตถุระเบิด ซึ่งจะว่าจ้างบริษัทส่งออกที่ตั้งอยู่ย่านสุขุมวิทซอย 3 เพื่อส่งวัตถุประกอบระเบิดทางตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 1 ตู้ เพื่อไปยังประเทศในแถบตะวันออกกลาง 3 ประเทศ โดยหนึ่งในนั้นมีประเทศไลบีเรีย โดยนายอาทริสได้รับค่าจ้าง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 160,000 บาท จากนายเอโบล อาลีกาลีน เพื่อเข้ามาดูสิ่งของที่บ้านเช่าที่นายอาทริส เช่าไว้ที่ ต.กาหลง จ.สมุทรสาคร ว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมส่งไปยังประเทศเป้าหมายหรือไม่ ขณะเดียวกัน ในการเดินทางเข้าออกประเทศไทย 2 ปี ทั้ง 11 ครั้ง นายอาทริสได้ร่วมกับชาวเลบานอนกระทำผิดร่วมกันบรรจุวัตถุต้องสงสัยในกล่อง โดยมีผู้ร่วมขบวนการ คือ 1.นายเปาโล 2.นายอาบาส (Abass) 3.นายอัลลา (Alaa)
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น.กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า หลังจากที่นายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ให้การเพิ่มเติมว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นสถานที่ประกอบระเบิด เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบก็ได้ไปยังบ้านหลังดังกล่าวแล้วแต่ไม่พบ ล่าสุดมีการไปสอบปากคายอาทริสเพิ่มเติมอีกที่เรือนจำกรุงเทพฯ ถึงรายละเอียดของบ้านอีกครั้ง เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มก่อการร้ายจะทำการซุกซ่อนสารตั้งต้นผลิตระเบิดไว้อีกที่หนึ่ง
พร้อมกันนี้ พล.ต.ท. วินัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ เพราะว่าขณะนี้ได้เบาะแสเยอะพอสมควร เช่น เป็นบ้านที่มีถังน้ำสีน้ำเงิน รอบๆบ้านมีคนงานโดยน่าเชื่อว่า บ้านน่าจะอยู่ใกล้โรงงานแห่งหนึ่ง คาดว่าไม่นานก็หาพบ บ้านดังกล่าวคิดว่าเป็นบ้านที่พักอาศัยมากกว่าที่จะเก็บวัตถุพวกสารตั้งต้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มก่อการร้ายมีการเช่าตู้คอนเทรนเนอร์มากถึง 10 ตู้ อาจจะมีสารตั้งต้นซุกซ่อนไว้อีกหรือไม่ พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ไม่มี เมื่อสองเดือนก่อน ก่อนที่นายอาทริส จะมาได้มีการประสานจะเช่าตู้ไปต่างประเทศแต่ว่า ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าจะไปวันไหน แต่มีการติดต่อประสานยืนยันว่าจะมาเช่าตู้ เราก็เชิญเจ้าของตู้คอนเทรนเนอร์มาสอบปากคำแล้วก็ให้การว่า มีการติดต่อจริง เพราะฉะนั้นเราถึงได้บอกว่า ประเทศไทยไม่น่าจะเป็นเป้าหมายในการดำเนินการของก่อการร้าย อีกทั้งยังมีสิ่งรองรับให้เราเชื่อว่า จะมีการขนส่งไปยังต่างประเทศที่ 3 จุดนี้
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ชุดพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับนายเปาโล เพิ่มเติมอีกคนหนึ่ง โดยมีหน้าที่ เป็นคนที่ร่วมมากับนายอาทริส มาเช่าบ้านที่พบสารตั้งต้น จากการสอบปากคำเจ้าของอาคาร และบุคคลพยานแวดล้อมยืนยันว่า เห็นนายเปาโล มาด้วยกันกับนายอาทริสอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้มีชาวเลบานอนอีก 3 คน เชื่อว่าคงมาเตรียมการเกี่ยวกับวัตถุสารตั้งต้นแต่ว่าพยานก็เห็นเมื่อ 6 เดือน ที่ผ่านมา ส่วนชายเสื้อเขียวนั้นเป็นเรื่องการข่าว ซึ่งบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าน่าจะเข้าก่อเหตุในประเทศไทย ทั้งนี้ทางเรายังไม่รู้ว่า ชายเสื้อเขียวนั้นชื่ออะไร และทางนายอาทริส ก็ไม่รู้จักกับชายเสื้อเขียว ทั้งนี้ขบวนการก่อการร้ายนั้นต้องเข้าใจด้วยว่า การทำงานแต่ละส่วนก็จะถูกตัดตอนกันไป อย่างเช่น นายอาทริส มีหน้าที่มาดูว่าของเรียบร้อยหรือไม่พอดูแล้วเขาก็กลับไป ส่วนคนที่จะมาขนไปก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง