ตำรวจสอบปากคำ “อาทริส ฮุสเซน” ก่อนส่งตัวฝากขังศาล ผลสอบยังไม่ชี้ชัดก่อการร้ายหรือไม่ “ปานศิริ” อ้างต้องดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายหรือไม่ เบื้องต้นเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 1 คน และขณะนี้เอาผิดได้แค่แจ้งข้อหาผิดพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ หรือมีสารควบคุมต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.และ บก.สปพ.ได้นำตัวนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องชาวเลบานอนที่ควบคุมตัวไว้หลังตรวจพบสารประกอบระเบิดจำนวนมากในห้องเช่าอาคารพาณิชย์ ที่ย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อวานนี้มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. และชุดสอบสวน บช.ภ.7 ร่วมทำการสอบปากคำ
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนนายอาทริส ฮุสเซน ว่าหลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้นจะนำตัวนายอาทริสไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ก่อนบ่ายวันนี้ โดยนายอาทริส ได้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดียังขอไม่เปิดเผยอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนที่หาข้อมูลในพื้นที่มารายงานความคืบหน้าภายในวันนี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง รวมทั้งการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องติดต่อกับนายอาทริส
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินคดีต่อนายอาทริสในข้อหาก่อการร้าย พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ยังต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติม และดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมทั้งต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และตรวจสอบหลักฐานที่รวบรวมได้
ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า สารเคมีที่พบนั้น ทางกองพิสูจน์หลักฐานจะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่บรรจุภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการนำสารเคมีซุกซ่อนกับพัดลมที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลองแกะแกนพัดลมออกมาตรวจก็ไม่พบว่ามีสารเคมีแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าพัดลมที่พบนั้นอาจจะถูกส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนสารเคมีทั้งชนิดที่พบจะมีการตรวจพิสูจน์ว่ามีการบรรจุสารเคมีชนิดใดไว้บ้าง เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี เบื้องต้นเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 1 คน และขณะนี้ยังแจ้งข้อหาผิดพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ คือมีสารควบคุมต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวถึงการจับกุมนายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายอาทริสว่า มีวัตถุต้องห้ามในครอบครอง ทั้งนี้สิ่งที่ตำรวจดำเนินการเป็นการแสดงความชัดเจนต่อประชาชนว่า ตำรวจมีการประสานงานกับทหาร สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และสามารถแสดงความชัดเจนให้ประชาชนมั่นใจถึงความปลอดภัยใน สำหรับนายอาทริส ยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นตัวการสำคัญที่จะมาก่อการร้ายในไทย แต่เป็นแค่คนที่เข้ามาดูแลสารที่มาประกอบระเบิดเหล่านี้ โดยจากการสืบสวนมีหลักฐานะว่า นายอาทริสได้ติดต่อบริษัทขนส่ง และตู้คอนเทนเนอร์ไว้แล้ว เพื่อเตรียมส่งออกประเทศที่ 3 ทั้งนี้ เราได้แจ้งประเทศที่ 3 ทราบแล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ จะกระทบกับความมั่นคง
ทั้งนี้นอกจากนายอาทริสแล้วพบว่า มีผู้เกี่ยวข้องเป็นชาวต่างชาติอีก 3 คน ที่เข้าออกอาคารพาณิชย์ที่ใช้เป็นที่เก็บปุ๋ยยูเรียและแอมโมเนียไนเตรด จาการตรวจสอบ ทั้ง 3 ราย พบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา และขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวด้วยว่า สำหรับสารที่จะมาก่อระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้หมดแล้ว และการข่าวไม่มีการก่อการร้ายในไทย แต่ใช้ประเทศไทยในการซื้อปุ๋ยยูเรีย พักไว้และส่งออกไปประเทศเป้าหมาย โดยเชื่อว่า นายอาทริส ได้เตรียมส่งออกสารดังกล่าวเป็นครั้งแรก แต่พบว่านายอาทริส เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้งแล้ว สำหรับประเทศไทย ตัวปุ๋ยยูเรียเองหาซื้อได้ตามท้องตลอด การครอบครองไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การที่ต่างชาติยังไม่ลดระดับการแจ้งเตือน
วันนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม.และ บก.สปพ.ได้นำตัวนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องชาวเลบานอนที่ควบคุมตัวไว้หลังตรวจพบสารประกอบระเบิดจำนวนมากในห้องเช่าอาคารพาณิชย์ ที่ย่านมหาชัย จ.สมุทรสาคร เมื่อวานนี้มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. และชุดสอบสวน บช.ภ.7 ร่วมทำการสอบปากคำ
พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนนายอาทริส ฮุสเซน ว่าหลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้นจะนำตัวนายอาทริสไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ก่อนบ่ายวันนี้ โดยนายอาทริส ได้ให้ความร่วมมือในการสอบสวนเป็นอย่างดี ส่วนผู้ที่เกี่ยวข้องในคดียังขอไม่เปิดเผยอยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่งมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนที่หาข้อมูลในพื้นที่มารายงานความคืบหน้าภายในวันนี้ ซึ่งมีหลายประเด็นที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง รวมทั้งการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องติดต่อกับนายอาทริส
ผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินคดีต่อนายอาทริสในข้อหาก่อการร้าย พล.ต.อ.ปานศิริกล่าวว่า ยังต้องมีการสอบปากคำเพิ่มเติม และดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายหรือไม่ รวมทั้งต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติม และตรวจสอบหลักฐานที่รวบรวมได้
ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า สารเคมีที่พบนั้น ทางกองพิสูจน์หลักฐานจะตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่บรรจุภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งเบื้องต้นมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีการนำสารเคมีซุกซ่อนกับพัดลมที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลองแกะแกนพัดลมออกมาตรวจก็ไม่พบว่ามีสารเคมีแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าพัดลมที่พบนั้นอาจจะถูกส่งไปจำหน่ายต่างประเทศ ส่วนสารเคมีทั้งชนิดที่พบจะมีการตรวจพิสูจน์ว่ามีการบรรจุสารเคมีชนิดใดไว้บ้าง เพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี เบื้องต้นเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 1 คน และขณะนี้ยังแจ้งข้อหาผิดพระราชบัญญัติยุทธภัณฑ์ คือมีสารควบคุมต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวถึงการจับกุมนายอาทริส ฮุสเซน ชาวเลบานอน ว่า เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายอาทริสว่า มีวัตถุต้องห้ามในครอบครอง ทั้งนี้สิ่งที่ตำรวจดำเนินการเป็นการแสดงความชัดเจนต่อประชาชนว่า ตำรวจมีการประสานงานกับทหาร สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และสามารถแสดงความชัดเจนให้ประชาชนมั่นใจถึงความปลอดภัยใน สำหรับนายอาทริส ยืนยันได้ว่าไม่ได้เป็นตัวการสำคัญที่จะมาก่อการร้ายในไทย แต่เป็นแค่คนที่เข้ามาดูแลสารที่มาประกอบระเบิดเหล่านี้ โดยจากการสืบสวนมีหลักฐานะว่า นายอาทริสได้ติดต่อบริษัทขนส่ง และตู้คอนเทนเนอร์ไว้แล้ว เพื่อเตรียมส่งออกประเทศที่ 3 ทั้งนี้ เราได้แจ้งประเทศที่ 3 ทราบแล้ว แต่คงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ จะกระทบกับความมั่นคง
ทั้งนี้นอกจากนายอาทริสแล้วพบว่า มีผู้เกี่ยวข้องเป็นชาวต่างชาติอีก 3 คน ที่เข้าออกอาคารพาณิชย์ที่ใช้เป็นที่เก็บปุ๋ยยูเรียและแอมโมเนียไนเตรด จาการตรวจสอบ ทั้ง 3 ราย พบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา และขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว
พล.ต.ท.วินัย กล่าวด้วยว่า สำหรับสารที่จะมาก่อระเบิด เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดได้หมดแล้ว และการข่าวไม่มีการก่อการร้ายในไทย แต่ใช้ประเทศไทยในการซื้อปุ๋ยยูเรีย พักไว้และส่งออกไปประเทศเป้าหมาย โดยเชื่อว่า นายอาทริส ได้เตรียมส่งออกสารดังกล่าวเป็นครั้งแรก แต่พบว่านายอาทริส เดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้งแล้ว สำหรับประเทศไทย ตัวปุ๋ยยูเรียเองหาซื้อได้ตามท้องตลอด การครอบครองไม่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การที่ต่างชาติยังไม่ลดระดับการแจ้งเตือน