“เหลิม” มอบนโยบายตำรวจ แก้ปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน พร้อมปูดอีก สายข่าวรายงานตำรวจยศนายพลสั่ง ฆ่า “เสธ.แดง” แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิด ยังมั่นใจ บช.น.รื้อฟื้นคดีได้ไม่ปัญหา
วันนี้ (13 ม.ค.) เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชุมชี้แจงข้อราชการให้กับข้าราชการตำรวจ ระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) และผู้บังคับการ (ผบก.) หน่วยขึ้นตรงสำนักงาตำรวจแห่งชาติ
ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยก่อนเข้าประชุม ว่า ได้เดินทางไปมอบนโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ต่างจังหวัด ตั้งแต่ระดับ ผบก.รวมทั้งระดับต่างๆ ให้ทำงานร่วมกัน โดยมีตำรวจและ ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานหลักในการทำงาน เพื่อป้องกันแก้ไขสถานการณ์ แม้ประเทศไทยไม่มียาเสพติดแต่มาจากที่อื่นก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการประทุษร้ายต่อร่างกายและทรัพย์สิน ที่มีการใช้อาวุธปืนทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย โดยสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยได้ถูกขอร้องให้มีการเซ็นอนุมัติในการนำเข้าอาวุธปืน เพื่อเปิดร้านจำหน่ายปืนเพิ่ม แต่ตนไม่ได้เซ็นให้ การที่พกอาวุธปืนในที่สาธารณะ ซึ่งมีโทษไม่หนักทำให้เกิดเรื่องของอาญชากรรมต่างๆ ขึ้น ทั้งนำอาวุธปืนมาทำร้ายกันเองมากขึ้น และมีตำรวจที่ภาคใต้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่จากอาวุธปืน จากนี้ไปจำเป็นต้องปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ หากใครไม่มีใบพกพาอาวุธปืนก็ต้องจับกุม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดเผยถึงกรณีรื้อฟื้นคดีลอบยิง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และแกนนำสายฮาร์ดคอร์ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนเสียชีวิต ว่า จากสายข่าวที่น่าเชื่อถือนั้น บอกว่า มีกลุ่มชายชุดดำคือตำรวจกลุ่มหนึ่งมียศระดับนายพล เป็นลูกน้องของนักการเมืองซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ นอกจากนี้ ก่อนและหลังเกิดเหตุมีตำรวจนครบาล โทร.ไปหาตำรวจภาคอีสาน เบื้องต้นรู้หมดแล้วว่าเป็นใครบ้าง สามารถเชื่อมตัวละครได้ แต่ไม่มีหลักฐาน ที่จะเอาผิด ตอนนี้ให้ ผบก.จว.นครราชสีมา หาหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ที่มีการติดต่อกันซึ่งคงตรวจสอบได้ไม่ยาก การรื้อคดีครั้งนี้ก็เพื่อให้พนักงานสอบสวนของนครบาลหาวิถีกระสุนใหม่ คาดว่า อาจยิงมาจากโรงแรมดุสิตธานี หรือ รพ.จุฬาฯ คิดว่า การรื้อคดีนี้ให้ บช.น.ทำก็ไม่มีปัญหาอะไร ตำรวจนครบาลก็ทำได้ เป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ไม่ต้องมีระดับ ตร.ลงไปดูแล และที่รื้อคดีครั้งนี้คิดว่าจะหาตัวคนร้ายได้ ดีกว่าปล่อยไปตามมีตามเกิด ตอนนี้มีเสือสำนึกบาปแล้ว ไปรดน้ำมนต์แล้วด้วย
ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงหนุ่มวิศวกรบริษัทเอกชน จนเสียชีวิตขณะเข้าจับกุมคดียาเสพติด ที่ จ.สกลนคร เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2554 ว่าตอนที่เสนอข่าวนั้น ทำไมไม่เสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยตนเองยังไม่ทราบเรื่องนี้ว่าถูกผิดอย่างไร แต่อย่ามาตั้งข้อสังเกตที่พบยาเสพติดในตัวผู้ตายเป็นฝีมือของตำรวจ
