“เพรียวพันธ์” สั่งเสริมกำลัง ตร.ช่วยภัยน้ำท่วม

ผบ.ตร.นั่งหัวโต๊ะประชุมแผนปฏิบัติการช่วยเหลือน้ำท่วม ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ สั่งเสริมกำลังตำรวจ ตชด.ภูธรภาค จัดรถสายตรวจกลางคืนดูแลประชาชนผู้ประสบภัย

วันนี้(6 พ.ย.)เมื่อเวลา 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)เป็นประธานการประชุมศูนย์รักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินและการจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศภจ.ตร.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นซ์ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รรท.รองผบ.ตร.พล.ต.ท.ประยูร อำมฤต รรท.ผู้ช่วยผบ.ตร.และนายตำรวจระดับสูงเข้าร่วมประชุมโดยใช้เวลากว่า 1 ชม.

พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติในสถานการณ์อุทกภัย กล่าวว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้สั่งการในที่ประชุมให้มีการปรับแผนการปฏิบัติต่างๆ ของตำรวจในหลายส่วน โดยเมื่อวันที่ 5 พ.ย.ผ่านมา ผบ.ตร.ได้สั่งให้มีการจัดกำลังของตำรวจภูธรและตำรวจตระเวนชายแดน เข้ามาเสริมกำลังการปฏิบัติของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และบช.ภ. 1 ในเบื้องต้นเดินทางมาตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 พ.ย.ผ่านมา จำนวนทั้งหมด 6 กองร้อย จากบช.ภ.2,4 และ 7 ล่าสุด เดินทางไปรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้ บช.ภ.2 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ของฝั่งธนบุรี ด้านสะพานสมเด็จปิ่นเกล้าและสะพานกรุงธน ไปรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับผบก.น. 7 บช.ภ. 4 ให้ไปรายงานตัวปฏิบัติหน้าที่ในกรุงเทพฝั่งเหนือ โดยรายงานตัวกับผบก.น.2 ในการปฏิบัติหน้าที่ และบช.ภ. 7 ให้ช่วยเหลือฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ด้านฝั่งบางแค ภาษีเจริญ ให้รายงานตัวกับผบก.น.9 ขณะนี้ ทั้งหมดได้ลงไปสู่พื้นที่เรียบร้อยแล้ว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กำลังเสริมเหล่านี้ได้มอบหมายการปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พื้นที่ในการออกตรวจตราในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งอำนวยความสะดวกจราจรโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่น้ำท่วมกำลังจะเข้าไปถึง จะเข้าไปช่วยเหลือในการเคลื่อนย้ายรถที่เสีย ช่วยในการจัดการจราจรกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ และภารกิจสุดท้ายคือจะลงเข้าไปร่วมกับอาสาสมัคร และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ต้องการความช่วยเหลือในบริเวณน้ำเข้าท่วมถึงแล้ว ในบ้านเรือนต่างๆ โดยจะนั่งรถขนาดใหญ่และเรือ เข้าไปกับตำรวจท้องที่

"ในช่วงกลางวันกำลังส่วนนี้จะเน้นในการบริการประชาชนเป็นหลักก่อน ระหว่างบริการประชาชนจะเข้าไปตรวจตราด้วย ขณะที่กลางคืนจะเน้นในการตรวจตราเป็นหลัก ล่าสุด ผบ.ตร.ได้สั่งกำลังเสริมอีก 10 กองร้อย จากบช.ภ. 3,4,5,8,9,บช.ก.และบช.ตชด.เพิ่มขึ้นอีก 10 กองร้อย ประมาณเกือบ 2,000 นาย ให้เตรียมพร้อม ณ ที่ตั้ง สามารถเคลื่อนย้ายกำลังได้ทันทีเมื่อมีการสนับสนุน" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนช่วยกันดูแลและอย่าทำลายบิ๊กแบ๊ก ที่วางเป็นแนวกั้นน้ำตั้งแต่พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 และบางส่วนของกทม. ซึ่งผบ.ตร.ได้สั่งการไปยังพล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น.และพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1ให้จัดกำลังคอยตรวจตราดูแลไม่ให้มีผู้มาทำลายแนวบิ๊กแบ๊ก ส่วนปัญหาเรื่องความขัดแย้งและการเปิดประตูระบายน้ำ จะมีอยู่เฉพาะในพื้นที่ของคลอง8,9และ 10 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจาคือคลอง 9 เท่านั้น โดยเรื่องนี้ผบ.ตร.เกรงว่าจะเกิดปัญหากระทบต่อเนื่อง จึงให้ไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าเป็นการถาวร ณ บริเวณคลอง 8, 9 และ10 มอบหมายให้ พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต รองผบช.ภ.1 ลงไปกำกับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมส่งกำลังตำรวจภูธร 1 กองร้อย และตำรวจคอมมานโดอีกหนึ่งหมวด ลงอยู่ประจำตลอด 24 ชั่วโมง คอยคลี่คลายสถานการณ์อยู่ เบื้องต้นขณะนี้ยังไม่มีปัญหา

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สำรวจบริเวณจุดที่ประชาชนเอาทรัพย์สินหรือยานพาหนะไปไว้จำนวนมาก เช่น จุดรวมรถหรือจุดรวมทรัพย์สินที่พักพิง ให้จัดกำลังทั้งของพื้นที่และหน่วยที่ร่วมปฏิบัตินั้น ลงไปดูแล 24 ชม. เป็นศูนย์ส่วนหน้าย่อย และผู้บังคับบัญชาระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้นจะลงไปสุ่มตรวจในทุกจุด และช่วยเสริมในการปฏิบัติในหลายส่วน นอกจากนี้ในวันที่ 7 พ.ย. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมอบเรือให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้ในภารกิจตรวจตราความเรียบร้อย จำนวน1,000 ลำ ซึ่งขณะนี้ได้มีการกำหนดแผนปฏิบัติที่ชัดเจนทั้งสายตรวจเรือและสายตรวจบิ๊กฟุตที่จะเข้าไปตรวจในพื้นที่ต่างๆ โดยกำหนดให้เรือและรถทุกคันนั้นต้องติดตราสัญลักษณ์ของตำรวจที่ชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อความอุ่นใจของพี่น้องประชาชน