“อภิสิทธิ์” ระบุ ยังไม่วางใจสถานการณ์น้ำ วาง “บิ๊กแบ็ก” เสร็จแล้ว ยังต้องรอประเมินผล ฝั่งธนฯ สถานการณ์ยังไม่น่าวางใจ เป็นห่วงประชาชน แนะควรอพยพ จี้ ศปก.คลี่คลายข้อขัดแย้งกรมชลฯ-กทม.ชี้ ชาวบ้านเบื่อนักการเมืองทะเลาะกัน
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสภาพน้ำบริเวณคลองภาษีเจริญ โดยจุดแรกที่เดินทางไปถึง คือ ที่บริเวณโรงเรียนปัญญาวรคุณ โดยบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงของผู้ประสบภัยนำท่วม นายอภิสิทธิ์ ได้สอบถามทักทายประชาชนที่มาอาศัยในจุดดังกล่าวด้วย จากนั้นได้เดินทางไปตรวจดูสภาพน้ำที่บริเวณหน้าวัดม่วง พร้อมให้กำลังใจอาสาสมัคร และ พระภิกษุ ที่มาช่วยกันบรรจุถุงทรายเพื่อทำแนวป้องกันน้ำท่วมที่อยู่บริเวรหน้าวัดด้วย หลังจากนั้นได้ลงเรือตรวจสภาพน้ำในคลองภาษีเจริญและไปขึ้นที่วัดนิมานนรดี เพื่อแจกสิ่งของให้กับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวภายหลังการตรวจดูสภาพน้ำ และกรณีที่การนำแนวถุงทรายขนาดยักษ์ หรือ บิ๊กแบ็ก เสร็จแล้วว่า คงจะต้องประเมินจากระดับน้ำ ว่า สามารถที่จะชะลอ หรือทำให้ระดับน้ำทางตอนเหนือของ กทม.ลดลงทรงตัวได้หรือไม่ แต่ระหว่างนี้ ประชาชนที่อยู่ในเขตชั้นใน โดยเฉพาะดินแดง ห้วยขวาง และพื้นที่ต่อเนื่องกับน้ำขณะนี้จะต้องระมัดระวัง เพราะเมื่อถุงบิ๊กแบ็กเริ่มทำงาน ก็ยังมีมวลน้ำที่ยังไหลมาสู่ กทม.อีก สำหรับพื้นที่ฝั่งธนฯ นั้น ก็ยังเห็นได้ชัดว่า น้ำก็ยังคืบลงมาทางใต้อยู่ และในส่วนนี้เองตัวบิ๊กแบ็กก็คงไม่ได้ช่วยที่จะทำให้ช่วยชะลอเข้ามาตรงนี้ได้ ส่วนผลกระทบหลังจากที่มีการใช้บิ๊กแบ็กที่จะมาถึงฝั่งธนฯ นั้น ก็คงต้องรอประเมินอีก 1-2 วัน ว่า มีการชะลอน้ำได้มากน้อยแค่ไหนและเบี่ยงน้ำไปแค่ไหน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องที่ประชาชนไม่ยอมย้ายออก ว่า เป็นเพราะห่วงทรัพย์สิน ซึ่งก็เป็นทุกที่ และทางเราก็พยายามที่จะบอกกับประชาชน ว่า หากระดับน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ การเข้าไปช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ก็จะลำบาก และวันนี้ที่มาก็อยากจะบอกประชาชนว่า ระบบการช่วยเหลือที่จัดส่งไปถึงทุกบ้านนั้นก็จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า รัฐบาลอาจมีการปรับ ครม.ว่า ขณะนี้คงต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาก่อน เพราะที่ผ่านมา การปรับโครงสร้างของการทำงานที่เกี่ยวข้องก็ยังมีความสับสนและไม่มีความเป็นเอกภาพ ประชาชนจะไม่สบายใจและเบื่อหน่ายที่สุดคือเรื่องแบบนี้ อย่างเรื่องที่มีการใช้คำว่า การทำงานระหว่างกรมชลประทานกับ กทม.ไม่ลงรอยกัน คิดว่า ทาง ศปภ.และ กทม.จะต้องเร่งคลี่คลายประเด็นเหล่านี้โดยเร็ว เร่งทำงาน และส่งสัญญาณให้ชัดเจน เพราะตอนนี้ดูเหมือนรัฐบาลก็ยอมรับมากขึ้น ว่า เขต กทม.ชั้นในจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย และการที่มีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในบางพื้นที่เกี่ยวกับเรืองการระบายน้ำนั้น ตรงนี้รัฐบาลก็ไม่ควรจะยอม เพราะเท่ากับเป็นการสร้างปัญหาให้ตัวเอง เพิ่มขึ้น และต้องเร่งทำความเข้าใจ
สำหรับคณะที่เดินทางไปพร้อม นายอภสิทธิ์ ในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายชำนิ ศิกดิเศรษฐ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายศิริโชค โสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต น.ส.อรอนงค์ คล้ายนก ส.ส.พื้นที่ดังกล่าว