“ยิ่งลักษณ์” ขึ้น ฮ.ตรวจสภาพน้ำเจ้าพระยา คลองสาขา แม่น้ำท่าจีน ก่อนบินดูความเสียหายลาดหลุมแก้ว บางบัวทอง นนทบุรี แล้วนั่งรถยนต์ลุยตรวจคลอง 9 เจรจาชาวบ้านขอขุดถนนเปิดทางระบายน้ำ พร้อมรับปากจ่ายค่าเยียวยา คาดเสร็จคืนนี้
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 ต.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชลิต ดำรงค์ศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน นายวีระวงศ์ แสงนาค ประธานคณะทำงานบริหารจัดการระบายน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยรายแรง ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กตรวจสภาพน้ำและการไหลของน้ำ โดยเริ่มตั้งแต่แม่น้ำเจ้าพระยา คลองลัดโพธิ์ คลองมหาสวัสดิ์ คลองภาษีเจริญ คลองทวีวัฒนา แม่น้ำท่าจีน จากนั้นบินต่อไปดูความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมที่ อ.ลาดหลุมแก้ว บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งปริมาณน้ำกระจายเป็นวงกว้าง เนื่องจากน้ำทะเลหนุน อีกทั้งบางพื้นที่น้ำก็เริ่มเน่าเสียกลายเป็นสีดำ จากนั้นได้บินดูปริมาณน้ำที่คลองรังสิตประยูรศักดิ์ ประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ ถนนเลียบคลองรังสิต-นครนายก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงเนื่องจากปริมาณน้ำทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และคลองต่างๆ มีจำนวนมาก บางแห่งก็ล้นตลิ่งและท่วมพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว
จากนั้น เวลา 13.30 น. นายกรัฐมนตรีเดินทางต่อโดยรถยนต์ไปยังบริเวณชุมนุมคลอง 9 พัฒนา อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี โดยได้เข้าไปพบปะและเจรจากับชาวบ้าน เพื่อขอขุดถนนเลียบคลองรังสิต-นครนายก บริเวณคลอง 9 เพื่อระบายน้ำจากคลองรังสิตให้ไหลผ่านไปสู่คลองหกวา ลงสู่คลองเสนแสบและแม่น้ำบางปะกง ซึ่งตอนแรกชาวบ้านไม่ยินยอม โดยนายถวัลย์ เงาภู่ทอง อายุ 50 ปี แกนนำชาวบ้าน ได้สอบถามนายกรัฐมนตรี ว่า ชาวบ้านไม่แน่ใจว่าการขุดถนนคลอง 9 เพื่อระบายน้ำออกจากคลองรังสิตแล้ว จะทำให้การระบายน้ำทำได้จริง เพราะเท่าที่ชาวบ้านเห็นระดับน้ำในปัจจุบันมันเท่ากัน หากขุดไปเกรงว่าจะเสียทั้งงบประมาณ และเสียเวลาเปล่า ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำได้ทำการสำรวจแล้วเห็นว่าแม้ปริมาณน้ำจะมีระดับไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อได้มีการเจาะถนน แล้วใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่มาตั้งที่ปลายทางเพื่อช่วยสูบน้ำอีกแรงหนึ่ง ก็จะช่วยดึงน้ำจากคลองรังสิตให้ออกไปยังคลองหกวาได้ แม้จะลดระดับน้ำลงได้เพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเป็นการช่วยระบายน้ำอีกทางหนึ่ง ที่สำคัญจะเป็นการช่วยผ่องถ่ายและลดระดับน้ำบริเวณประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ลง ทำให้สามารถรองรับปริมาณน้ำเหนือที่จะไหลลงมาได้มากขึ้น และลดความเสี่ยงของประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ในพื้นที่ อธิบดีกรมชลประทาน และนายวีระ ได้เจรจาและชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้านกว่า 10 นาที ชาวบ้านก็ยินยอม แต่ขอให้รับปากว่ารัฐบาลจะต้องเร่งเยียวยาชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเส้นทางไหลผ่านของน้ำ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็รับปากและมอบให้ท้องถิ่นทำการสำรวจรายชื่อบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกล่าวว่า “ขอบคุณทุกคนที่เสียสละ เพราะขณะนี้เราไม่มีทางออกที่อื่น เพราะถ้ามีการอั้นน้ำไว้ ก็ไม่รู้จะไหลไปทางไหน จึงต้องขอบคุณชาวชุมชนที่เสียสละ เพราะไม่เช่นนั้นหากเกิดปัญหาคันกั้นน้ำหรือประตูระบายน้ำพัง น้ำทะลักเข้า กทม. ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ ต่างชาติก็ไม่มั่นใจว่า ทำไมเราถึงรักษาเมืองหลวงไว้ไม่ได้ หากชาวบ้านคนใดที่ได้รับความทุกข์ยาก ก็ขอยืนยันว่าจะเร่งเยียวยาให้อย่างเต็มที่” นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง พร้อมบอกกับชาวบ้านว่าตอนนี้เหนื่อยมาก แต่ก็ต้องทำงานให้ทุกคน
จากนั้นนายกฯ ได้เดินลุยน้ำเข้าไปดูบริเวณที่จะทำการขุดถนนคลอง 9 รวมทั้งได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการ และยืนยันว่าการขุดถนนจะเสร็จภายในคืนนี้ (28 ต.ค.) จากนั้นนายกฯ และคณะได้เดินทางไปยังวัดสระบัว เทศบาลสนั่นรักษ์ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยน้ำท่วมโดยปัจจุบันมีผู้อพยพจาก จ.ปทุมธานีมาพักอาศัย 160 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งนายกฯ ได้เข้าไปเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจ พร้อมรับปากว่าจะจัดหาครูมาช่วยสอนให้กับเด็ก ๆ ในช่วงที่ยังไม่เปิดเทอม รวมทั้งหางานฝีมือมาให้ทำในช่วงที่ยังไม่มีงานทำก็ขอให้ทุกคนอดทนสักระยะหนึ่ง รัฐบาลจะไม่ทอดทิ้ง จะเร่งดูแลและเยียวยาทุกคนอย่างเสมอภาค นอกจากนี้นายกฯ ยังให้กำลังกับอาสาสมัครที่มาทำอาหารเลี้ยงผู้อพยพ พร้อมรับปากว่าจะเร่งให้จังหวัดคู่แฝดเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่งเพื่อแบ่งเบาภาระระหว่างกัน เพราะตอนนี้ใน กทม.เองก็กำลังหนัก ทุกฝ่ายคงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะถือเป็นการช่วยประเทศชาติ
