ศปภ.เผยเร่งสร้างจุดตัดเลียนแบบคลองลัดโพธิ์ หวังช่วยระบายน้ำให้ลงแม่น้ำท่าจีนลงสู่อ่าวไทยโดยเร็ว เชื่อหลังทำเสร็จช่วยน้ำอยุทธยา-ปทุมลดทันที เชื่อเสร็จภายใน 16 ต.ค. ชี้หากใน 10 วัน ฝนไม่ตกพายุไม่เข้า น้ำจะลดลงแน่
วันนี้ (13 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย แถลงว่า วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขึ้นเฮลิคคอปเตอร์เพื่อที่บินสำรวจพื้นที่ในการที่จะเร่งขุดคลองระบายน้ำลงสู้ทะเล ซึ่งปริมาณน้ำที่ขณะนี้ไหลลงสู่จังหวัดปทุมธานี, นนทบุรี, กรุงเทพมหานคร ขณะนี้น้ำได้ไหลลงทุ่งและไหลไปในพื้นที่ราบต่ำ ซึ่งอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนได้รับผลประทบ ซึ่งทาง ศปภ.ได้รับข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา และกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ว่าปริมาณน้ำทะเลจะหนุนสูงในเวลา 07.00-10.00 น. หลังจากนั้นจะเริ่มปรับระดับน้ำลดลง และในส่วนพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ คือ บริเวณคลองมหาสวัสดิ์ คลองภาษีเจริญ คลองพญาบันลือ และคลองมหาชัย โดยทั้ง 4 คลองนี้เป็นพื้นที่ที่อยู่ในฝังตะวันตกของ กทม. ทั้งในหมู่บ้านจัดสรร และที่อยู่อาศัยของประชาชนอาจจะมีน้ำเอ่อท่วมล้นในบางพื้นที่ แต่บางพื้นที่อาจจะมีน้ำขึ้นลงตามระดับน้ำทะเลที่มีการหนุนสูง ผลการประชุมเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาปริมาณน้ำได้มากองร่วมกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งผ่านมาจากจังหวัดสิงห์บุรีและอ่างทอง ซึ่งผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจังหวัดชัยนาท โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำจะบินไปสำรวจพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาว่ายังสามารถระบายออกไปสู่พื้นที่ดังกล่าวได้อีกมากน้อยแค่ไหน
“ทั้งนี้ น้ำจำนวนมหาศาลที่ไหลสู่ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ยังไม่มีช่องทางในการเร่งระบายออกไปสู่ทะเลได้เร็วกว่าที่ทาง ศปภ.กำหนดเอาไว้ เพียงแต่จะระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพียงอย่างเดียว จึงทำให้น้ำนั้นกระจายไปทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกโดยผ่านทางท้องทุ่ง ทาง ศปภ.จะเร่งขุดลอกคูคลองในฝั่งตะวันออกและตะวันตก เพื่อระบายน้ำออกทั้งหมดลงสู่แม่น้ำบางปะกง และแม่น้ำท่าจีน ใช้เป็นที่ระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทย และถ้าใน 2 วันนี้จะทำให้แม่น้ำทั้ง 3 สายสามารถรับน้ำและระบายลงสู่อ่าวไทยพร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำทั้งหมด ทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, สระบุรี, ลพบุรี, ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี ระบายน้ำและผลักดันน้ำได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วนให้เสร็จภายในวันที่ 16 ต.ค.54” นายวิมกล่าว
นายวิมกล่าวอีกว่า สำหรับภารกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันนี้จะบินสำรวจพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้จะมีการสร้างจุดตัดเพิ่มขึ้นตามลำคลองต่างๆ ในแม่น้ำท่าจีน เนื่องจากขณะนี้แม่น้ำท่าจีนไหลเป็นวงคดเคี้ยว จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการเร่งระบายน้ำหรือผลักดันน้ำลงสู่ทะเล โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างจุดตัดใหม่ ซึ่งเป็นการทำเลียนแบบคลองลัดโพธิ์ ในการสร้างทางลัดระบายน้ำ จากแม่น้ำเจ้าพระยาลงสู่ทะเล โดยจุดแรกจะเร่งลอกคลองและระบายน้ำในคลองงิ้วลาย จุดที่ 2 คลองทรงคนอง ซึ่งจะทำให้น้ำในแม่น้ำท่าจีนไหลตรงลงมาได้ จุดที่ 3 คลองลัดท่าข้าม จุดที่ 4 คลองสุนัขหอน จุดที่ 5 คลองมหาชัย ซึ่งจุดนี้จะเป็นใหญ่เนื่องจากเชื่อมต่อกับแม่น้ำ 2 สาย โดยเป็นคลองที่สามารถรับน้ำในฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพมหานครได้ทั้งหมดในส่วนตอนล่าง ซึ่งคลองนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะว่ามีคลองเชื่อมต่อ 3 คลอง คือ คลองมหาชัย คลองสหกรณ์สอง และคลองหลวง ซึ่งทั้ง 3 คลองนี้ได้สั่งการให้กรมชลประทานติดเครื่องผลักดันน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลเร็วขึ้น ส่วนจุดที่ 6 คือ คลองแสมดำ ซึ่งจะให้กรมชลประทานเพิ่มเครื่องผลักดันน้ำมากขึ้น หากไม่พอขอให้กรมชลประทานขอความร่วมมือไปยังเรือของภาคเอกชนและติดเครื่องเพื่อเร่งผลักดันน้ำ ลงสู่ทะเลให้เร็วขึ้น
นายวิมกล่าวต่ออีกว่า ทางรัฐบาลและ ศปภ.เร่งระบายน้ำทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ซึ่งจะให้น้ำไหลลงสู่ทะเลเร็วขึ้นในช่วงที่ยังไม่มีฝนตกในขณะนี้ หากในช่วง 10 วันหลังจากนี้ไป หากไม่มีฝนตก พายุ หรือร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้ง กทม. เชื่อว่าการระบายน้ำให้ลดลงจะสามารถดำเนินการได้ภายใน 10 วันนี้