เลื่อนอ่านอุทธรณ์ “สนธิ” หมิ่น “ทักษิณ” เหตุติดปัญหาเรื่องส่งหมาย นัดอีกรอบ 29 พ.ย.นี้ ขณะที่ “สนธิ” ไม่ตำหนิรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมเหลว ชี้เป็นโชคร้ายของชาติได้นายกฯ ทำงานไม่เป็น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นายสนธิ ลิ้มทองกุล" ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (20 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 814 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1062/2549 หมายเลขแดง อ.5068/2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยนายชาตรี ถริปภัสสโร ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับนายขุนทอง ลอเสรีวานิช บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา นสพ.ผู้จัดการรายวัน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว.
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 6-22 มี.ค. 2549 จำเลยได้กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ ที่บริเวณสนามหลวง กล่าวหาโจทก์ทำนองว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ใช้เงินซื้อประชาชนให้รักตัวเอง เป็นพวกหมกมุ่นเรื่องไสยศาสตร์ และโจทก์ยังเคยสั่งการให้จัดทีมเพื่อไล่ล่าสังหารจำเลย อันเป็นการใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามด้วยการโฆษณาโดยมีเจตนาให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง และเพื่อจูงใจให้ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งงดเว้นการลงคะแนนเสียงโจทก์และพรรคไทยรักไทย ขณะที่จำเลยที่ 2 นำคำปราศรัยของจำเลยที่ 1 ลงตีพิมพ์เผยแพร่ เหตุเกิดที่แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักร
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.50 ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้องให้จำคุกจำเลยที่ 1 รวมสามกระทงกระทงละ 1 ปี รวมโทษจำคุก 3 ปี และให้จำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันลงตีพิมพ์โฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันรวม 4 ฉบับเป็นเวลา 5 วัน
อย่างไรก็ดี ในวันนี้ปรากฏว่าศาลยังไม่สามารถส่งหมายนัดความให้ทนายความโจทก์ได้ จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ออกไปเป็นวันที่ 29 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายสนธิกล่าวถึงแนวทางแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมของรัฐบาลว่า เข้าใจและเห็นใจ ซึ่งไม่มีประโยชน์ที่จะไปตำหนิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะเห็นกันอยู่ว่านายกฯ คนนี้ไม่เป็นตัวของตัวเอง และยังทำงานไม่เป็นซึ่งถือเป็นโชคร้ายของประเทศชาติ
ส่วนเรื่องการเร่งแต่งตั้ง ผบ.ตร.ในช่วงที่บ้านเมืองกำลังประสบอุทกภัย นายสนธิกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาใครเข้ามามีอำนาจต้องผลักดันคนของตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มีความเหมาะสม เนื่องจากมีอาวุโสสูงสุดและมีความสามารถด้านการทำงาน