ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก จ.ส.ต. อดีตตำรวจโรงพักสำราญราษฎร์ ยิงคู่กรณีเสียชีวิตตั้งแต่ปี 49 ในร้านอาหาร โดยแก้โทษจำคุก 20 ปี เหลือ 10 ปี
วันนี้ (28 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.2769/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ ฟ้อง จ.ส.ต.วิเชียร ช้างกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ.49 เวลา 22.00 น. จำเลยใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงนายสมชาย สงวนยาง 1 นัด ที่บริเวณสะบักซ้าย ทำให้เนื้อปอดและหลอดเลือดแดงใหญ่ช่วงอกฉีกขาด เป็นเหตุให้นายสมชายถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ร้านอาหารอิสานกันเอง แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 33 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ก.ย.50 ว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกจำเลยเป็นเวลา 20 ปี ริบอาวุธปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง ศาลอุทธรณ์มีพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.51 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิด
ศาลพิเคราะห์แล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ ทางนำสืบของโจทก์ระบุว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ จำเลยไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของ จ.ส.ต.สุรศักดิ์ โพธิ์ศรี เพื่อนร่วมโรงพักเดียวกัน จำเลยกับพวกร่วมกินดื่มและร้องเพลงคาราโอเกะ ขณะที่ผู้ตายนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่ภายในร้านโต๊ะใกล้กัน หลังผู้ตายดื่มเบียร์ไป 4-5 ขวดเริ่มมีอาการมึนเมา จึงส่งเสียงร้องเพลงดังลั่นร้าน จำเลยจึงเข้าไปพูดทำนองว่า “สั่งเบียร์ขวดเดียว ร้องเป็น 10 เพลง” จากนั้นราว 30 นาที ผู้ตายกับเพื่อนเดินออกนอกร้านเพื่อเดินทางกลับ กลุ่มเพื่อนตำรวจของจำเลยเดินตามออกไป ตรงเข้าตบหน้าผู้ตาย 1 ครั้ง ขณะที่ผู้ตายนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ ก่อนยึดกุญแจรถกลับเข้าไปในร้าน ไม่นานจำเลยจึงนำเอากุญแจออกมาคืน หลังจากผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งเพื่อนซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีนี้เสร็จ จึงย้อนกลับไปร้านอีกครั้ง เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้าน ผู้ตายขว้างมีดปังตอเข้าใส่ จ.ส.ต.สุรศักดิ์ได้รับบาดเจ็บ จำเลยจึงชักปืนของกลางวิ่งตามออกไปไล่ยิง 1 นัด กระทั่งนายสมชาย เสียชีวิตอยู่นอกร้าน
จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุกับปืนของจำเลยพบว่าเข็มแทงชนวนตรงกัน คดีจึงไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะมีบุคคลอื่นนำปืนของจำเลยไปก่อเหตุยิงนายสมชาย เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้ก่อเหตุยิงนายสมชายตามฟ้องจริง ที่จำเลยฎีกาอ้างว่านายสมชายเป็นผู้เริ่มก่อเหตุก่อน ตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีอำนาจจับกุมนั้น และหลังถูกออกหมายจับได้เข้ามอบตัวทันทีนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะมีอำนาจแต่วิธีการจับกุมนั้นไม่เหมาะสม ทั้งไม่มีการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ แต่จากพฤติการณ์ของผู้ตายที่กลับไปยังร้านอีกครั้งแสดงท่าทีว่าไม่ยอมเลิกรานั้น จึงเห็นสมควรให้ลงโทษจำเลยในสถานเบา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
ศาลฎีกาพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ฐานฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 15 ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์
