ศาลฎีกาไม่รับคดี ส.ต.ต.หน่วย 191 ลักทรัพย์สินหญิงสาวในห้องพัก ชี้ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยจำคุก 1 ปี ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง ส.ต.ต.สธน บุตรโพธิ์ อายุ 31 ปี ผบ.หมู่กองร้อยที่ 3 กองกำกับการ 2 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (191) เป็นจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานผ่านสิ่งกีดกั้น
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ.50 เวลากลางวัน จำเลยได้เข้าไปลักทรัพย์สินของ น.ส.วรรณี ชัยสามารถ ผู้เสียหายขณะนอนหลับภายในห้องเช่า รวม 6 รายการ เช่น เงินสด กระเป๋าเงิน กระปุกออมสิน และอื่นๆ รวมมูลค่า 11,000 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริตแล้วหลบหนีไป ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางในกระเป๋าสะพาย
ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ แต่ให้การปฏิเสธในชั้นศาล เหตุเกิดภายในห้องเช่าเลขที่ 48 ซอยพหลโยธิน 35 แยก 7 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
คดีนี้ ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาจำคุก 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 (3) (8) จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต่อมาจำเลยยื่นฎีกาอ้างว่าไม่ได้กระทำผิดลักทรัพย์ผู้เสียหาย ขอให้ศาลฎีกายกฟ้องด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือของจำเลยแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ชอบด้วยเหตุผลแล้ว ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัย ฎีกาจำเลยไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาจึงไม่รับฎีกาจำเลยไว้พิจารณา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 219 วรรคสาม และพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 23 วรรคหนึ่ง จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ส่งผลให้คดีนี้เป็นอันถึงที่สุด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัว ส.ต.ต.สธน ไปรับโทษจำคุก 1 ปีที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป