xs
xsm
sm
md
lg

ศาลประทับรับ “เสรีพิศุทธ์” ฟ้องอดีตปลัดแรงงาน กล่าวหาทุจริตงบประมาณ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แฟ้มภาพ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.
ศาลอาญาประทับรับฟ้อง “เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส” อดีต ผบ.ตร. ฟ้อง “จุฑาธวัช อินทรสุขศรี” อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กล่าวหาทุจริตเงินงบประมาณ-ทุจริตจัดซื้อรถ จยย.สายตรวจ ชี้คดีมีมูล ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน วันที่ 19 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

วันนี้ (22 ก.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 906 ศาลอาญาศาลนัดฟังคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในคดีหมายเลขดำ อ.3716/2553 ที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. เป็นโจทก์ฟ้อง นายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายวชิระ เพ่งผล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บังคับการตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต นายมงคล แสงหิรัญ นายวรพันธ์ เย็นทรัพย์ และนายนัที เปรมรัศมี เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหมดได้รับคำสั่งจากสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 71/2551 ในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เป็นคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ถูกร้องเรียนกรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริตเงินงบประมาณที่ใช้ในการสืบสวนสอบสวนผู้กระทำความผิดในโครงการรับซื้อลำไยปี 2547, กรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริตจัดซื้อรถจักรยานยนต์ตามโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจขนาด 200 ซีซี พร้อมอุปกรณ์ (ทดแทน) จำนวน 19,147 คัน, กรณีกล่าวหาว่ารีสอร์ตภูไพรธารน้ำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ถมหิน ดิน กรวด ทรายจำนวนมากล่วงล้ำเข้าไปในแม่น้ำแควน้อย แล้วยึดถือครองที่ดินที่บุกรุกแม่น้ำแควน้อย, กรณีกล่าวหาว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สั่งการให้กองบินตำรวจจัดเฮลิคอปเตอร์ใช้สนับสนุนภารกิจ ผบ.ตร.เพื่อใช้เดินทางไปพักผ่อนและดูแลกิจการรีสอร์ตภูไพรธารน้ำเป็นการส่วนตัว โดยจำเลยที่ 1, 4 และ 8 เป็นกรรมการและเลขานุการ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.51 จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันมีหนังสือเชิญโจทก์ไปพบ โจทก์ทราบดีว่าจำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่จะทำการสอบสวนโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 1-4 ทำรายงานสืบสวนข้อเท็จจริงเสนอต่อนายกรัฐมนตรี อ้างว่าได้สืบสวนตามหลักเกณฑ์เสร็จแล้ว แต่ความจริงยังไม่ได้ทำการสอบสวนแต่อย่างใด จากนั้นเมื่อวันที่ 29-30 ก.ย. 2551 จำเลยที่ 5, ที่ 6 ร่วมกันจัดทำรายงานการสืบสวนส่งนายกรัฐมนตรีว่า กรณีมีมูลว่าโจทก์กระทำความผิดวินัยร้ายแรง จำเลยที่ 2, 5-7 ร่วมกันทำรายงานการสืบสวนและร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อโจทก์ไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรี อันมีลักษณะเป็นการเร่งรัดให้รีบแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยโจทก์โดยไม่ได้มีการพิจารณารายงานเสียก่อน แสดงให้เห็นว่ามีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่า คดีมีมูลจึงมีคำสั่งประทับรับฟ้อง เฉพาะจำเลยที่ 2, 5, 6 และ 8 ส่วนจำเลยที่ 1, 3, 4 นั้น ศาลเห็นว่า โจทก์เคยยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาไว้แล้วในกรณีเดียวกัน และคดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน เห็นว่าเป็นการฟ้องซ้อน จึงพิพากษายกฟ้อง ส่วนจำเลยที่ 7 โจทก์ถอนฟ้องไปแล้วก่อนหน้านี้ ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย และตรวจพยานหลักฐาน ในวันที่ 19 ธ.ค.54 เวลา 09.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น